Site icon Mekha News (มีค่านิวส์) : เว็บไซต์ข่าว ที่จะนำเสนอข่าวสารเพื่อรักษาสิทธิให้กับคุณ

ได้เงิน “โครงการรัฐ” มีเฮ! ไม่ต้องเสียภาษี

ได้เงิน 4 โครงการรัฐไม่ต้องเสียภาษี

โครงการต่างๆ จากภาครัฐที่ออกมาเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคโควิด-19 เป็นการให้วงเงินกับประชาชนเพื่อนำไปใช้จ่ายบรรเทาความเดือดร้อน รวมทั้งเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ แต่มีหลายคนสงสัยว่าเงินที่ได้รับมานั้นจะต้องนำไปคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ด้วยหรือไม่ ข่าวมีค่า ติดตามข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมาให้แล้ว

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ภาครัฐมีโครงการต่างๆ ออกมาหลายโครงการ ทั้งโครงการที่ออกมาเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และโครงการที่ออกมาเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งที่ผ่านมาก็มีประชาชนจำนวนมากที่ได้รับสิทธิและใช้สิทธิของตนเอง ซึ่งทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจตามเป้าหมายที่ภาครัฐวางไว้

อย่างไรก็ตาม เงินที่ได้รับจากภาครัฐตามโครงการต่างๆ นั้น ด้านหนึ่งก็ถูกมองว่าเป็น “เงินได้” ที่จะต้องนำมาคำนวณในการเสียภาษีเงินได้ในแต่ละปี ขณะเดียวกันก็มีคนที่เห็นว่านี่คือมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ จึงไม่ควรนับว่าเป็นเงินได้ที่ต้องเสียภาษี

ล่าสุดเรื่อดังกล่าวมีความชัดเจนแล้ว เมื่อราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ กฎกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 372 (พ.ศ./2564) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ซึ่งมีสาระสำคัญคือ ให้เงินได้ที่ผู้มีเงินได้ได้รับเป็นเงินสนับสนุนหรือประโยชน์อื่นใดจากภาครัฐ เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้น ไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ปี 2563 ดังนี้

โดยเงินที่ได้รับจากภาครัฐ ที่ตามกฎกระทรวงการคลังฉบับนี้ระบุว่าได้รับยกเว้นไม่ต้องภาษีเงินได้ ได้แก่

  1. เงินสนับสนุนที่ได้รับตามมาตรการชดเชยรายได้แก่ลูกจ้างของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบ หรือผู้ได้รับผลกระทบอื่น ๆ ของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด -19) โครงการ เพื่อช่วยเหลือเยียวยาและชดเชยให้แก่ประชาชนซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 ของกระทรวงการคลัง และโครงการชดเชยรายได้แก่ลูกจ้างของสถานประกอบการ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด -19 ) ซึ่งยังไม่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยา ของกระทรวงแรงงาน หรือโครงการ “เราไม่ทิ้งกัน”
  2. เงินสนับสนุนหรือประโยชน์อื่นใดที่ได้รับเป็นค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเข้าชมสถานที่ ท่องเที่ยว ค่าสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ค่าสปาหรือนวดเพื่อสุขภาพ ค่ารถเช่าหรือเรือเช่า เพื่อการท่องเที่ยว หรือค่าตั๋วโดยสารเครื่องบิน ตามโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน”
  3. ประโยชน์อื่นใดที่ได้รับเป็นค่าซื้อแพ็กเกจทัวร์จากผู้ประกอบการนำเที่ยว ตามโครงการ “กำลังใจ”
  4. ประโยชน์อื่นใดที่ได้รับเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม หรือค่าซื้อสินค้าอื่น ที่ได้ใช้จ่ายผ่านระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์โดยภาครัฐ ตามโครงการ “คนละครึ่ง”

โดยจะมีผลสำหรับเงินได้พึงประเมินในปีภาษี พ.ศ. 2563 ซึ่งหมายความว่าผู้เสียภาษีที่ได้รับสิทธิจากโครงการ เราไม่ทิ้งกัน เราเที่ยวด้วยกัน กำลังใจ และ คนละครึ่ง ไม่ต้องนำเงินที่ได้รับจากโครงการมารวมเป็นเงินได้เพื่อคำนวณในการเสียภาษีเงินได้ปี 2563 นั่นเอง

 

ที่มา :

Exit mobile version