Mekha News (มีค่านิวส์) : เว็บไซต์ข่าว ที่จะนำเสนอข่าวสารเพื่อรักษาสิทธิให้กับคุณ

“หอการค้า – 40 ซีอีโอ” พร้อมช่วยรัฐกระจายวัคซีนสู้โควิด

การประชุมร่วมกันระว่าง หอการค้าไทย และซีอีโอจาก 40 บริษัทใหญ่ของเมืองไทย ได้ข้อสรุปว่าภาคเอกชนจะเข้ามาสนับสนุนภาครัฐในการกระจายและฉีดวัคซีนโควิด-19 เพราะภาคเอกชนมองว่า ยิ่งประชาชนฉีดวัคซีนได้มากเท่าใด ก็ยิ่งช่วยให้ทุกฝ่ายรอดพ้นจากวิกฤตโควิด-19 ได้เร็วขึ้นเท่านั้น ข่าวมีค่า นำรายละเอียดของเรื่องดังกล่าวมาเสนอ 

ที่มา

หอการค้าไทย ได้ทำการประชุมผ่านระบบทางไกล ร่วมกับประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) จาก 40 บริษัทใหญ่ของไทย เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2564 เพื่อหารือถึงแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจ หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 รอบใหม่ ซึ่งมีประเด็นหลักในการประชุมคือ

ช่วยภาครัฐกระจาย “วัคซีน” 

เป้าหมายสำคัญที่ทุกฝ่ายเห็นตรงกันในการประชุมครั้งนี้ คือการที่หอการค้าไทยและเครือข่ายภาคเอกชน จะต้องช่วยสนับสนุนภาครัฐในการกระจายวัคซีนโควิด-19 ที่ภาครัฐจัดซื้อ ซึ่งจะเริ่มเข้ามาตั้งแต่เดือนมิถุนายน ดังนั้นจึงต้องมีการเตรียมตัวและวางแผนการกระจายวัคซีนให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้การฉีดวัคซีนเกิดประสิทธิภาพและทั่วถึงมากที่สุด 

วาง “กรุงเทพฯ” พื้นที่ต้นแบบ

ข้อเสนอจากหอการค้าไทยคือ ภาคเอกชนจะเข้ามาเสริมการทำงานของภาครัฐในการกระจายวัคซีน โดยจะจัดทำรูปแบบมาตรฐาน หรือรูปแบบตัวอย่างของภาคเอกชนที่สนับสนุนการฉีดวัคซีน เพื่อเป็นแนวทางให้กับจังหวัดอื่นๆ ภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้ ภายใต้เป้าหมาย 

4 ทีมภาคเอกชนสู้โควิด-19

หอการค้าไทยและเครือข่าย จะแบ่งงานออกเป็น 4 ทีม เพื่อสนับสนุนการฉีดวัคซีนของภาครัฐ ได้แก่

TEAM A : Distribution and Logistics ทีมสนับสนุนการกระจายและฉีดวัคซีน 

ทำหน้าที่ช่วยสนับสนุน สถานที่ บุคลากร อาสาสมัคร และอุปกรณ์ไอทีให้กับกรุงเทพฯ โดยมีการลงพื้นที่สำรวจจุดที่เอกชนและกรุงเทพฯ จะใช้เป็นพื้นที่นำร่องในการให้บริการฉีดวัคซีน เช่น พื้นที่ของกลุ่มเซ็นทรัล, SCG, เดอะมอลล์, สยามพิวรรธน์, เอเชียทีค, โลตัส, บิ๊กซี, ทรูดิจิตัลพาร์ค เป็นต้น โดยจะสรุปกับกรุงเทพฯ ภายในเดือนเมษายน และในระยะถัดไปจะมีการจัดทำหน่วยฉีดวัคซีนเคลื่อนที่ไปยังจุดต่างๆ เพื่อลดการเคลื่อนย้ายของประชาชน

TEAM B : Communication ทีมการสื่อสาร 

ทำหน้าที่สร้างความเข้าใจให้กับประชาชนเข้าใจและการมารับการฉีดวัคซีนในสถานที่ที่พร้อม เนื่องจากยังมีคนอีกมากที่ไม่เข้าใจเรื่องการฉีดวัคซีนและไม่ยอมฉีด จึงต้องทำความเข้าใจและให้ข้อมูลที่ถูกต้อง โดยภาครัฐมีระบบ “หมอพร้อม” ซึ่งจะสามารถระบุสถานที่ที่ลงทะเบียนฉีดวัคซีน การจัดคิวการฉีดที่ไม่หนาแน่น หรือลำดับการฉีดที่เหมาะสม โดยภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง อย่างเช่น Google, LINE, Facebook จะให้การสนับสนุน

TEAM C : IT Operation ทีมเทคโนโลยีและระบบ 

ทำหน้าที่เสริมประสิทธิภาพการลงทะเบียน ช่วยให้ขั้นตอนในการฉีดรวดเร็วขึ้น พร้อมทั้งมีระบบการติดตามตัว และสามารถออกใบรับรองการฉีดวัคซีนได้ โดยมีหลายบริษัท นำทีมโดย IBM จะเข้ามาสำรวจและช่วยปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพ

TEAM D : Extra Vaccine procurement ทีมจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม 

ทำหน้าที่สำรวจความต้องการฉีดวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติม ร่วมกับภาครัฐและเครือข่ายโรงพยาบาลเอกชน โดยมีการประเมินว่าประเทศยังต้องการวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติมอีก 30 ล้านโดส เพื่อให้ครอบคลุม 70% ของประชากรทั้งประเทศ ซึ่งภาคเอกชนยินดีจะจ่ายค่าวัคซีนให้กับพนักงานของบริษัทเอง เพื่อแบ่งเบาภาระให้กับรัฐบาล

4 ทีมภาคเอกชนสนับสนุนภาครัฐสู้โควิด-19

เอกชนพร้อมช่วยภาครัฐเต็มที่

“ผลสรุปจากการประชุมซีอีโอ ทุกบริษัทเห็นตรงกันว่าขณะนี้ประเทศไทยได้รับการฉีดวัคซีนไปเพียง 0.4% ของประชากรเท่านั้น ซึ่งถือว่าล่าช้ามากสำหรับการที่จะเปิดประเทศที่จะต้องฉีดให้ได้ถึง 70% ของประชากร ภาครัฐจำเป็นต้องจัดหาวัคซีนให้เพียงพอกับทุกคน โดยซีอีโอทุกท่านพร้อมที่จะช่วยภาครัฐ ซึ่งหอการค้าไทยพร้อมที่จะเป็นตัวกลางเพื่อฟื้นเศรษฐกิจไทย หากคนไทยทุกคน ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมแรงร่วมใจ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จะทำให้ประเทศไทยฝ่าวิกฤติโควิด-19 ไปได้อย่างแน่นอน” นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย 

การแสดงจุดยืนที่จะระดมกำลังมาช่วยสนับสนุนภาครัฐในการกระจายและฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นความเคลื่อนไหวของภาคเอกชนที่ ข่าวมีค่า เห็นว่าจะเป็นประโยชน์อย่างมาก ทั้งต่อภาครัฐและประชาชน เพราะด้วยศักยภาพในด้านต่างๆ ที่ภาคเอกชนมีอยู่ น่าจะสามารถช่วยให้การจัดการเรื่องวัคซีนของประเทศเดินหน้าได้ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้

ที่มา : 

Exit mobile version