การทำตลาดออนไลน์ผ่าน Website หรือ Facebook มีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการใช้งาน แต่ถ้าถามว่าระหว่าง “Website หรือ Facebook ช่องทางไหนดีกว่ากัน” วันนี้เราจะพาทุกท่านไปหาคำตอบ
เมื่อพูดถึง #Website เราอยากให้ทุกท่านนึกถึงร้านค้าที่เราสามารถเดินเข้าไปเลือกซื้อสินค้าอะไรก็ได้ แต่แค่การเลือกซื้อนั้นอยู่บนออนไลน์ที่สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา หรือเรียกว่าหน้าร้านเสมือนจริง
ข้อดีของ Website คือการที่เราสามารถจะใส่ข้อมูลสินค้าทั้งหมดได้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็น คุณสมบัติของสินค้า ราคา ขั้นตอนการชำระเงิน การเลือกวิธีการจัดส่ง หรือนโยบายต่างๆ
การทำ Website ส่วนใหญ่จะเหมาะสมกับธุรกิจที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูง และมีจำนวนสินค้าที่หลากหลาย เพื่อให้ลูกค้าสามารถค้นหาสินค้าได้ง่ายและรวดเร็ว ยกตัวอย่างเช่น www.central.co.th, www.jd.co.th
นอกจากนี้การทำ Website ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถที่จะเก็บข้อมูลลูกค้าเชิงลึกเพื่อนำไปวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อ และออกแบบกลยุทธ์ที่เหมาะสม ผ่านเครื่องมืออย่าง Google Analytics
ส่วน Facebook เป็นร้านค้าที่มีหน้าร้านเสมือนจริงใกล้เคียงกับ Website แต่จะมีข้อจำกัดบางอย่างที่ทำให้ Facebook ไม่เหมาะสมกับการทำกลยุทธ์การตลาด
ข้อดีของ Facebook ที่เราคุ้นเคย คือ สามารถใช้เป็นช่องทางในการทำธุรกิจได้ง่าย สามารถใช้ติดต่อสื่อสาร หรือทำการซื้อขายได้ง่ายและรวดเร็ว มีการเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้า ซึ่งเหมาะสมกับธุรกิจขนาดเล็ก และมีสินค้าไม่มากนัก ตัวอย่างเช่น แบรนด์เครื่องสำอางที่มีสินค้าแบบเดียว ร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่น ร้านขายของมินิมอล
ดังนั้นหากจะเทียบว่า Website หรือ Facebook ช่องทางไหนดีกว่ากัน คงต้องพิจารณาถึงข้อจำกัด และความเหมาะสมของสินค้าที่เสนอขาย รวมไปถึงความต้องการใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า ซึ่งในปัจจุบันการมีทั้ง 2 ช่องทางย่อมดีกว่าช่องทางเดียว เพราะ Website จะช่วยให้เราทราบข้อมูลของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้ชัดเจน ขณะที่ Facebook จะช่วยให้เราสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้ง่ายและรวดเร็ว
ที่มา : พัชรสิตา สกุลวงศ์สิริโชค