จากกรณีที่มีผู้เผยแพร่ในโซเชียล อ้างว่า การกิน “แตงโมต้มน้ำตาล” สามารถรักษาโรคไตได้? ด้วยวิธีนำมาต้มไฟอ่อน ปั่นทิ้งไว้ 4-5 วัน กินครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ วันละ 2 ครั้ง เช้า – เย็น
เรื่องนี้ กรมอนามัย ออกมาเตือนว่า การกิน “แตงโมต้มน้ำตาล” ไม่ได้ช่วยรักษาโรคไต แถมการกินน้ำตาลมากเกินไป ก็เสี่ยงต่อโรคอ้วน เบาหวาน และฟันผุ
ข้อเท็จจริง คือ ผู้เป็นโรคไต ต้องควบคุมและจำกัดอาหาร ตามระยะของโรคไตเรื้อรัง ดังนี้
1.ไม่กินอาหารที่มีโซเดียม โพแทสเซียม และฟอสฟอรัสมาก
2.ผู้ที่มีระดับโพแทสเซียมในเลือดสูง ต้องงดกินผักและผลไม้ที่มีโพแทสเซียมปานกลางและสูง ได้แก่ แครอท บล็อกโคลี ถั่วฝักยาว ฟักทอง มะเขือเทศ ส้มโอ องุ่น แก้วมังกร มะละกอ ส้ม ฝรั่ง แตงโม เป็นต้น
3.หากเป็นผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่มีระดับโพแทสเซียมในเลือดสูง ควรงดการกินแตงโมเด็ดขาด!
นอกจากนี้ ยังควรระมัดระวังเรื่องการบริโภคอาหาร คือ
1.กินข้าว ไม่เกิน 6 ทัพพีต่อวัน ได้แก่ ข้าวขาว วุ้นเส้น ก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ สาคู หลีกเลี่ยงข้าวกล้องและขนมปัง
2.กินเนื้อสัตว์ ไม่เกิน 7 ช้อนโต๊ะต่อวัน ได้แก่ ไข่ขาว เนื้อปลา เนื้อไก่ เนื้อหมูไม่ติดมัน
– ผู้ป่วยไตระยะ 1-3 ไม่เกิน 5 ช้อนโต๊ะต่อวัน
3.ผู้ป่วยไตเรื้อรังระยะ 4-5
– ลดอาหารหวาน มัน เค็ม โดยกินน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน น้ำมันไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน และเกลือไม่เกิน 1 ช้อนชาต่อวัน หลีกเลี่ยง น้ำปลา ซอสปรุงรส ผงชูรส อาหารหมักดอง เนื้อสัตว์แปรรูปต่างๆ ผักผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง อาหารที่มีฟอสฟอรัสสูง ได้แก่ นม ไข่แดง ถั่ว ชา กาแฟ เป็นต้น
– ลดอาหารที่มีพิวรีนสูง ได้แก่ เครื่องในสัตว์ ยอดผัก ใจผัก หน่อไม้ หน่อไม้ฝรั่ง เป็นต้น รวมถึงหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด
นอกจากนี้ ยังต้องพักผ่อนให้เพียงพอ และไปพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งไม่ควรเพิ่ม ลด หยุดยา หรือ ซื้อยาไปกินเอง เพราะอาจเป็นอันตรายได้