Site icon Mekha News (มีค่านิวส์) : เว็บไซต์ข่าว ที่จะนำเสนอข่าวสารเพื่อรักษาสิทธิให้กับคุณ

เปิด 3 ข้อปฏิบัติ “Phuket Sandbox” เริ่ม 1 กรกฎาคม แบบละเอียด!

เปิด 3 ข้อปฏิบัติ “Phuket Sandbox” เริ่ม 1 กรกฎาคม แบบละเอียด!

เมื่อวานนี้ 29 มิถุนายน 2564 เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่ง ศบค. เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 11) เกี่ยวกับมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 สำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เช่น ภูเก็ต แซนด์บอกซ์  มีค่า นิวส์ จึงขอสรุปรายละเอียดมาให้ดูว่า มีข้อปฎิบัติ และขั้นตอน อย่างไรบ้าง  

1.มาตรการก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ต้องปฏิบัติตามนี้

1.1 ให้หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง หรือ สถานที่ชุมชนไม่น้อยกว่า 14 วัน

1.2 เดินทางมาจากประเทศ หรือ พื้นที่ ศบค.อนุมัติ ตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ทั้งนี้ ผู้เดินทางต้องอยู่ในประเทศดังกล่าว เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 21 วัน ก่อนออกเดินทาง เว้นแต่ผู้ที่พำนักอยู่ในราชอาณาจักร ซึ่งได้เดินทางออกจากราชอาณาจักร และได้เดินทางไปยังประเทศ หรือ พื้นที่ที่ได้รับอนุมัติข้างต้น โดยให้มีเอกสารที่ใช้ในการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ดังนี้

– หนังสือที่รับรองว่าเป็นบุคคลที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้ (Certificate of Entry – COE)

– ใบรับรองแพทย์ ที่ยืนยันว่า ผู้เดินทางไม่มีเชื้อโรคโควิด–19 โดยวิธี RT-PCR ไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง

– กรมธรรม์ประกันภัย ที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพ และรักษาพยาบาล หรือหลักประกันอื่นใด ซึ่งรวมถึงกรณีโรคโควิด – 19 ตลอดระยะเวลาที่ผู้เดินทางอยู่ในราชอาณาจักร ในวงเงิน ไม่น้อยกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ

– หลักฐานการชำระค่าที่พักและค่าตรวจหาเชื้อด้วย วิธี RT-PCR โดยระบุระยะเวลาการเข้าพักไม่น้อยกว่า 14 วัน ในโรงแรม หรือ สถานที่พัก ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกำหนด สำหรับกรณีที่ผู้เดินทาง พำนักอยู่ในราชอาณาจักร เป็นเวลาน้อยกว่า 14 วัน ให้มีบัตรโดยสารของสายการบิน ที่ระบุห้วงระยะเวลาในการเดินทางออกจากราชอาณาจักร หลักฐานการชำระเงินค่าที่พัก ค่าตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT-PCR ในเวลาดังกล่าว

– เอกสาร หรือ หลักฐานรับรองการได้รับวัคซีน (Certificate of Vaccination) ครบตามเกณฑ์ที่ผู้ผลิตวัคซีนกำหนด ซึ่งเป็นวัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยยาหรือได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก หรือ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ไม่น้อยกว่า 14 วันก่อนออกเดินทาง (ผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่ไม่อยู่ในเกณฑ์รับวัคซีน เดินทางมาพร้อมกับผู้ปกครองหรือผู้ดูแล ให้มีใบรับรองแพทย์ ที่ยืนยันว่า ผู้เดินทางไม่มีเชื้อโรคโควิด–19 ด้วยวิธี RT-PCR ไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนการเดินทาง

1.3 ให้คัดกรองอาการทางเดินหายใจ และวัดไข้ ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศของประเทศหรือ พื้นที่ต้นทาง ก่อนออกเดินทาง (Exit screening)

2.มาตรการเมื่อเดินทางถึงและระหว่างอยู่ในราชอาณาจักร ต้องปฏิบัติตามนี้

2.1 ตรวจคัดกรองอาการ และดำเนินพิธีการตรวจคนเข้าเมือง

– กรณีเดินทางเข้าราชอาณาจักร โดยสายการบิน ที่มีเที่ยวบินตรงมายัง ณ ท่าอากาศยานนานาชาติ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยว ให้คัดกรองอาการทางเดินหายใจและวัดไข้ และยื่นเอกสารต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ รวมถึงการดำเนินพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศ ก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร

–  กรณีเดินทางเข้าราชอาณาจักร โดยสายการบินที่ไม่มีเที่ยวบินตรง และต้องเดินทางโดยทางอากาศต่อไปยังท่าอากาศยานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยว ให้ผู้เดินทางดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด ก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ดังต่อไปนี้

ก.ให้คัดกรองอาการทางเดินหายใจและวัดไข้ และให้ยื่นเอกสารต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ รวมถึงการดำเนินพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศจุดแรกที่มีการเดินทางเข้ามาภายในราชอาณาจักร ก่อนเดินทางต่อไปยังท่าอากาศยานจุดหมายปลายทางที่เป็นพื้นที่จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยว

ข. ให้คัดกรองอาการทางเดินหายใจและวัดไข้และให้ยื่นเอกสารต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้า พนักงานควบคุมโรคติดต่อ รวมถึงการดำเนินพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศหรือในพื้นที่ของท่าอากาศยานจุดหมายปลายทางที่เป็นพื้นที่จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยว

2.2 ให้ใช้ระบบติดตาม หรือ ติดตั้งแอปพลิเคชันตามที่ทางราชการกำหนด โดยให้เปิดระบบติดตามดังกล่าวไว้ตลอดเวลา เพื่อเฝ้าระวังหรือติดตามอาการระหว่างที่ผู้เดินทางพำนักอยู่ในพื้นที่จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยว

2.3 ให้เดินทางออกจากท่าอากาศยานไปยังโรงแรมหรือสถานที่พักโดยยานพาหนะที่จัดไว้เป็นการเฉพาะ โดยต้องไม่มีการแวะหรือหยุดพัก ณ สถานที่ใด ๆ ก่อนถึงโรงแรมหรือสถานที่พัก

2.4 ให้มีการตรวจหาเชื้อโรคโควิด – 19 โดยวิธี RT-PCR ณ สถานที่ที่ทางราชการกำหนด โดยผู้เดินทางรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง ตามหลักเกณฑ์ ประกอบด้วย

– ให้มีการตรวจหาเชื้อโรคโควิด–19 โดยวิธี RT-PCR จำนวน 1 ครั้ง เมื่อเดินทางมาถึงราชอาณาจักร โดยห้ามเดินทางออกนอกโรงแรมหรือสถานที่พัก จนกว่าจะมีผลการตรวจยืนยันว่าไม่มีเชื้อโรคโควิด–19

– ให้มีการตรวจหาเชื้อโรคโควิด – 19 โดยวิธี RT-PCR เพิ่มเติมจาก ข้อด้านบน  คือ

ก.กรณีพำนักอยู่ในราชอาณาจักรไม่เกิน 7 วัน ให้มีการตรวจหาเชื้อ ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 6-7 ของระยะเวลาที่พำนักหรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด

ข. กรณีพำนักอยู่ในราชอาณาจักรเป็นระยะเวลา 10-14 วัน ให้มีการตรวจหาเชื้อ ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 6-7 และครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 12-13 ของระยะเวลาที่พำนักหรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ทั้งนี้ ในกรณีพบว่าผู้เดินทางมีการติดเชื้อโรคโควิด – 19 ให้โรงแรมหรือสถานที่พักดำเนินการประสานส่งตัวผู้เดินทางไปยังสถานพยาบาลคู่สัญญาตามแนวทางที่กระทรวสาธารณสุขหรือทางราชการกำหนดโดยเร่งด่วนเพื่อทำการตรวจหรือรักษาต่อไป โดยผู้เดินทางเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลทั้งหมด หรือเป็นไปตามข้อตกลงเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายระหว่างโรงแรมหรือสถานที่พักกับผู้เดินทาง

2.5 กรณีผู้เดินทางออกนอกโรงแรมหรือสถานที่พักหลังจากทราบผลการตรวจยืนยันแล้วว่าไม่มีเชื้อโรคโควิด – 19 ให้ผู้เดินทางรายงานตัวเมื่อกลับมายังโรงแรมหรือสถานที่พักทุกวันตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อหรือตามที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อกำหนด โดยห้ามไปพำนักค้างคืนในสถานที่อื่นนอกเหนือจากโรงแรมหรือสถานที่พักที่ได้กำหนดไว้ และให้ปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขที่ราชการกำหนดอย่างเคร่งครัดตลอดเวลาที่พำนักอยู่ในพื้นที่จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยว

2.6 กรณีผู้เดินทางพำนักอยู่ในจังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยวเป็นเวลาน้อยกว่า 14 วัน ห้ามผู้เดินทางออกนอกพื้นที่จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยวเด็ดขาด และเมื่อครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว ให้ผู้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรทันที

2.7 กรณีผู้เดินทางพำนักอยู่ในจังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยวเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน ให้สามารถเดินทางออกนอกพื้นที่จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยวได้ เมื่อครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว

3.มาตรการก่อนเดินทางออกจากราชอาณาจักร หรือ เดินทางออกนอกพื้นที่จังหวัดนำร่องไปยังพื้นที่จังหวัดอื่นภายในราชอาณาจักร ต้องปฏิบัติตามนี้

3.1 ให้ตรวจหาเชื้อโรคโควิด–19 โดยวิธี RT-PCR กรณีประเทศ/พื้นที่ปลายทางกำหนด โดยผู้เดินทางเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย

3.2 ในกรณีผู้เดินทางออกจากพื้นที่จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยวไปยังจังหวัดอื่นภายในราชอาณาจักร ให้ผู้เดินทางแสดงหลักฐานการพำนักที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยว พร้อมหลักฐานผลการตรวจหาเชื้อโรคโควิด – 19 โดยวิธี RT-PCR ตามข้อ 4.2) ข. ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อของจังหวัดต้นทางและจังหวัดปลายทางตามหลักเกณฑ์หรือแนวทางที่ทางราชการกำหนด

หมายเหตุ : 1.ควรสนับสนุนและส่งเสริมให้ใช้กรมธรรม์โดยบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทย ภายใต้การกำกับและรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย โดยกรมธรรม์ประกันภัยต้องครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพและรักษาพยาบาลกรณีการติดเชื้อโรคโควิด – 19 ที่ไม่แสดงอาการด้วย

สำหรับการเริ่มนับระยะเวลา ที่ผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ให้เริ่มนับระยะเวลาตั้งแต่ที่ผู้เดินทางอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศ คือ

1.ตั้งแต่เวลา 00.01 นาฬิกา ถึง 18.00 นาฬิกา ให้นับวันที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นวันแรก (Day 1)

2.ตั้งแต่เวลา 18.01 นาฬิกา ถึง 00.00 นาฬิกา ให้นับวันถัดจากวันที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นวันแรก (Day1)

Exit mobile version