ปัจจุบันตลาดเครื่องสำอาง แข่งขันกันอย่างดุเดือด แม้จะเป็นช่วงที่โควิด-19 แพร่ระบาด แบรนด์ต่างๆ ก็พัฒนาสินค้าของตัวเองอย่างต่อเนื่อง ทั้งการกำหนดกลยุทธ์การตลาด สร้างจุดขายที่โดดเด่นให้แบรนด์ เพื่อดึงดูดความสนใจจากลูกค้า เช่นเดียวกับธุรกิจเครื่องสำอาง แบรนด์ Ira Natural Products (ไอรา เนเชอรัล โพรดักส์) ที่สร้างจุดเด่นของแบรนด์ด้วยการใช้สารสกัดจากพืชธรรมชาติ มาเป็นส่วนผสมในลิปสติก แพคเกจก็ทำจากกระดาษ สามารถย่อยสลายได้
SME ทันข่าว จึงชวนคุณธนิดา ดลธัญพรภคภพ หรือ คุณเมย์ กรรมการบริษัท ไอรา เนเชอรัล โพรดักส์ จำกัด มาพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำธุรกิจในยุคโควิด ที่แม้จะได้รับผลกระทบ แต่ก็ยังมีรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน โดยที่ไม่ต้องลดการจ้างพนักงาน เธอมีเคล็ดลับอะไร ติดตามไปพร้อมกับ มีค่า นิวส์ เลยค่ะ
อะไร คือ แรงบันดาลใจของการเริ่มต้นทำธุรกิจของคุณเมย์
คุณเมย์ เล่าว่า หลังเรียนจบระดับปริญญาตรีด้านการค้าระหว่างประเทศ ช่วยอาจารย์ทำงานวิจัยที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประมาณ 1-2 ปี พร้อมเปิดคอร์สสอนภาษาอังกฤษไปด้วย รวมถึงสั่งสินค้าจากต่างประเทศมาขายทางออนไลน์ ระหว่างนั้นเพื่อนของคุณเมย์ เห็นว่าคุณเมย์ชอบค้าขาย และญาติของเพื่อนขายสินค้าจากธรรมชาติพอดี จึงชวนคุณเมย์รับสินค้านั้นมาลองขายดู อาทิ น้ำมันนวด สเปรย์ตะไคร้หอม สบู่ผลไม้ คุณเมย์เริ่มเปิดขายที่พัทยา กระแสตอบรับค่อนข้างดี
ตอนนั้นคุณเมย์ มองเห็นช่องทางการเริ่มธุรกิจจากการที่คิดว่า ในตลาดยังไม่มีลิปบาล์มจากธรรมชาติเลย และถ้าหากเปิดตัวด้วยลิปบาล์มกลิ่นข้าวเหนียวมะม่วง จะต้องขายได้แน่นอน ประกอบกับอีกหนึ่งแนวคิด คือ อยากทำของธรรมชาติที่คนไทยเข้าถึงได้ และเป็นคนชอบเรื่องความสวยงาม และสนใจสินค้าธรรมชาติอยู่แล้ว จึงตัดสินเริ่มธุรกิจนี้ ในปี 2559
ทำไมจึงตั้งชื่อแบรน์ว่า ไอรา (Ira)
ด้วยความที่อยากได้ชื่อแบรนด์ที่ไม่ลืมความเป็นไทย ความหมายดี สื่อถึงธรรมชาติ และหวังว่าถ้าในอนาคตสินค้าได้ส่งออกไปยังต่างประเทศ ชื่อแบรนด์จะต้องสะดุดตา สะดุดใจ จึงลองค้นหาใน google จนเจอชื่อ ไอรา (Ira) แปลว่า ผู้ดูแลโลก ความสงบ ตอบโจทย์แบรนด์ของคุณเมย์ ที่เน้นใช้ส่วนผสมจากพืชธรรมชาติ และรักษ์โลก ไม่ทำลายธรรมชาติ จึงเลือกชื่อนี้
ขั้นตอนการทำธุรกิจเป็นอย่างไร ใช้เงินลงทุนประมาณเท่าไหร่
เงินลงทุนแรก คือ 1 หมื่นบาท นำเข้าวัตถุดิบจากท้องถิ่น จังหวัดต่างๆ รวมถึงส่วนผสมฮิตๆ บางตัวจากต่างประเทศ ก่อนทำฉลาก จดทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จดทะเบียนพาณิชย์ กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จากนั้นก็เริ่มผลิตสินค้า เป็นลิปบาล์มแบบตลับก่อน
เมื่อได้สินค้าแล้ว คุณเมย์ ก็เริ่มจากการนำไปวางขายตามร้านอาหารจีน ในพื้นที่พัทยาก่อน พร้อมกับเริ่มให้เพื่อนๆและคนรู้จักลองใช้ รีวิวให้ ประกอบกับทำการตลาดออนไลน์ไปด้วย โปรโมทสินค้าทางออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊ก อินสตราแกรม ทวิตเตอร์ มีการนำสินค้าไปติดต่อคนที่รับรีวิวสินค้าในทวิตเตอร์ให้ลองใช้ เป็นลิปบาล์มกลิ่นข้าวเหนียวมะม่วง และกลิ่นนมฮอกไกโด
ปรากฏว่า เกิดกระแสตอบรับที่ดีมากๆ คุณเมย์จึงนำคำชม หรือ คำแนะนำต่างๆ มาผลิตลิปบาล์มออกสู่ตลาดต่อเนื่อง และเกิดความคิด ทำเป็นลิปบาล์มที่ผลิตจากแท่งกระดาษ ย่อยสลายได้ ซึ่งถือเป็นแบรนด์แรกของไทย!! ที่ลิปบาล์มจากแท่งกระดาษ จุดนี้เองทำให้แบรนด์ ไอรา เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ยอดขายดีมากๆ รู้สึกเกินกว่าที่คาดไว้ ก็เลยเริ่มวางขายตามห้างสรรพสินค้า และร้านค้าชั้นนำหลายแห่ง
คุณเมย์มีหลักการทำธุรกิจอย่างไร ที่ทำให้แบรนด์ ไอรา เป็นที่รู้จักมากขึ้น
คุณเมย์ บอกว่า หลักคิดง่ายๆ คือ “เราต้องฟังเสียงลูกค้าว่าอยากได้แบบไหน ต้องการอะไร และพยายามนำมาคิดต่อยอดให้แตกต่างจากแบรนด์อื่น ด้วยการทำสินค้าจากธรรมชาติ เน้นรักษ์โลก ซึ่งเราก็ต้องดูเทรนด์โลกด้วยว่า สิ่งแวดล้อมไปทางไหน โดยการทำธุรกิจ เราไม่สามารถเติบโตคนเดียวได้ เราต้องรู้จักเกื้อกูลคนอื่นด้วย แล้วธุรกิจจะยั่งยืน ลูกค้าก็พร้อมจะสนับสนุน”
ระหว่างการทำธุรกิจ คุณเมย์พบเจออุปสรรคหรือไม่ และมีวิธีรับมืออย่างไร
สำหรับอุปสรรคที่พบเจอ ต้องเล่าย้อนไปถึงตอนที่เริ่มทำธุรกิจนี้ใหม่ๆ ต้องหาโรงงาน OEM (โรงงานที่รับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์ตามสูตรของลูกค้า) จนได้โรงงานระดับ Top5 ของไทย แต่แบรนด์ของเรา เป็นแบรนด์เล็ก ตอนแรกเขาจะไม่ทำให้ เพราะเขาไม่มีความรู้ด้านสินค้าธรรมชาติ จึงแก้ปัญหาด้วยการเข้าไปช่วยเขาทำ ซึ่งสินค้าของเราต้องเทมือ และมีสติมากๆ ถ้าเทพลาด แท่งกระดาษจะพังทันที แล้วต้องทิ้ง เราก็เริ่มสอนเขา จนเขาทำได้ เราจึงวางมือได้ และคอยตรวจสอบคุณภาพอย่างเดียว
อีกหนึ่งปัญหา คือ ช่วงปีที่แล้ว (เมษายน 2563) ลิปบาล์มแท่งกระดาษ ขายดีมาก ถือว่าสวนทางกับสถานการณ์ที่เพิ่งเจอโควิดรอบแรก สินค้าผลิตไม่ทัน ต้องเปลี่ยนส่วนผสม ทำให้สินค้ามีปัญหา เจอลูกค้าคอมเพลน รวมกว่าหมื่นแท่ง จึงต้องรับผิดชอบด้วยการ เคลมสินค้าให้ลูกค้า หมดเงินไปถึง 7 หลัก ตอนนั้นเศร้ามาก แต่ก็พยายามลุกขึ้นสู้ จนผ่านมาได้
โควิดระลอก 3 ธุรกิจได้รับผลกระทบด้านไหนบ้าง
คุณเมย์ เล่าว่า แม้ว่าโควิดรอบแรก รอบสอง จะผ่านมาได้ แต่พอระลอก 3 นี้ ได้รับผลกระทบอย่างมาก เนื่องจากสาเหตุ ดังนี้
1.ห้างสรรพสินค้า ที่เคยนำสินค้าไปวางขายก็ปิด ยอดขายลดลง และแม้จะขายออนไลน์ด้วย แต่ลูกค้าก็ระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น จึงต้องคิดโปรโมชั่นใหม่ๆ ขึ้นมา เพื่อดึงดูดใจลูกค้า
2.ระบบ ios 14 ของไอโฟน อัพเดท ทำให้การขายผ่านทางเฟซบุ๊กยากขึ้น เพราะจากเดิมเฟซบุ๊กจะเปิดให้แทร็กลูกค้าได้ แต่พอระบบอัพเดท เฟซบุ๊กก็จะถามผู้ใช้งานโทรศัพท์ก่อนทุกครั้งว่า จะอนุญาตให้ระบบแทร็กหรือไม่ ซึ่งคนส่วนใหญ่จะไม่อนุญาต เพราะต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ซึ่งเวลาเรายิงโฆษณาไป จะไม่ตรงกลุ่มลูกค้า
เมื่อได้รับผลกระทบแบบนี้ รายได้เป็นอย่างไร
รายได้ของไอรา เติบโตทุกปี โดยเฉพาะปีที่แล้ว 2563 สินค้าขายดีมาก รายได้อยู่ที่ 1-2 ล้านต่อเดือน แต่พอเจอโควิดระบาดระลอก 3 นี้ รายได้ลดลง 30 – 40 % อยู่ที่ 8 – 9 แสนบาทต่อเดือน แต่ก็ยังพออยู่ได้ ไม่ต้องลดการจ้างพนักงาน
เคล็ดลับพาธุรกิจฝ่าโควิด แบบฉบับของคุณเมย์
1.ต้องมีสติก่อนที่จะแก้ปัญหาทุกอย่าง เพราะรู้สึกว่าจากเมื่อก่อนจะจมอยู่กับปัญหา แต่พอเราตั้งสติได้ เราก็คิดหาทางออกปรับเปลี่ยนทักษะเล็กๆน้อยๆได้ ทำให้เรามองโลกในแง่บวกมากขึ้น
2.ต้องมีความยืดหยุ่น ปรับตัวกับสิ่งที่ไม่เคยทำ เช่น การไลฟ์สด เปิดตัวสินค้า เพราะเมื่อก่อนจะไม่กล้าเปิดเผยตัวเองเลย แต่เพื่อพยุงธุรกิจ ก็ต้องลองเอาตัวเองออกมามากขึ้น
3.หาฐานลูกค้าให้ชัดเจนขึ้น เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบสินค้า พร้อมทั้งหาช่องทางการจำหน่ายสินค้าใหม่ๆ เช่น ไลน์ Lazada Shopee เป็นต้น
ระยะยาว คุณเมย์ วางแผนกับธุรกิจอย่างไรบ้าง
วางแผนไว้ว่าอยากเปิดตลาด Personal Care ให้มากขึ้น เช่น ทำครีมอาบน้ำเพิ่มเติม โดยเน้นความเป็นธรรมชาติ ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ รวมถึงอยากลดการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ แล้วปรับใช้สินค้าธุรกิจท้องถิ่นให้มากขึ้น เช่น มะพร้าวจากเกษตรกร น้ำมันต่างๆ ผลไม้ เป็นต้น
ฝากกำลังใจ หรือ ข้อคิด ถึงผู้ประกอบการท่านอื่น
“อยากให้มีกำลังใจ และสู้ๆ กันนะคะ ลองถอยออกมามองในฐานะคนอื่นดู ว่าถ้าเราถอยมาก้าวนึงแล้วมองกลับเขาไปเราจะแก้ปัญหาอย่างไร เช่น จับมือกับธุรกิจไหน เพื่อเป็นพันธมิตรทางธุรกิจต่อกัน ให้ธุรกิจของเราเดินหน้าต่อไปได้ เชื่อว่าอนาคตจะสถานการณ์จะต้องดีขึ้น เพียงแค่ตอนนี้เราคิด เพื่อเตรียมการณ์ไว้ก่อน”
ขอบคุณรูปภาพ : www.facebook.com/irathailand