นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การว่างงานในไตรมาสที่สองปี 2564 ที่เกิดจากผลกระทบของ COVID-19 จึงมอบหมายกรมการจัดหางานสำรวจความต้องนายจ้าง/สถานประกอบการ โดยพบว่าพื้นที่เศรษฐกิจในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ใน 3 จังหวัด ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ปัจจุบันมีความต้องการแรงงานเร่งด่วน จำนวน 31,556 อัตรา แบ่งเป็น
สาขาอุตสาหกรรมการผลิต อุตสาหกรรมการขายส่งและการขายปลีก การซ่อมยานยนต์และจักรยานยนต์ อุตสาหกรรมอุปกรณ์ทางการแพทย์และสุขภาพ อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ และหน่วยงานราชการในพื้นที่ ซึ่งภายใน 5 ปี พื้นที่อีอีซีมีความต้องการแรงงานเกือบ 400,000 อัตรา
ซึ่งพร้อมจ้างงาน ตั้งแต่วุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี – ระดับประถมศึกษา ตามอัตราค่าแรงที่ตกลงกันโดยไม่น้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ทั้งยังมีสวัสดิการและเบี้ยขยัน โดยสถานประกอบการที่ต้องการแรงงานและเปิดรับสมัครจำนวนมาก ได้แก่ บริษัท บิ๊กซี ซุปเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด บริษัท พนัสโพลทรี่ กรุ๊ป จำกัด บริษัท อิตาเลี่ยนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ซีฟโก้ จำกัด บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)
ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า เตรียมช่องทางการให้บริการคนหางาน คนว่างงาน และทุกคนที่ต้องการมีงานทำผ่านทางออนไลน์ (E – Services) โดยผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนได้ที่ smartjob.doe.go.th หรือ ไทยมีงานทำ.com ซึ่งระบบของกรมการจัดหางานจะ Matching ระหว่างผู้สมัครงานและสถานประกอบการ แนะนำงานที่ตรงกับความต้องการให้ผู้สมัครพิจารณา
นอกจากนี้ กรมการจัดหางานยังส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระและกองทุนสำหรับผู้รับงานไปทำที่บ้านที่เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อกู้ยืมไปซื้อวัตถุดิบโดยไม่คิดดอกเบี้ย รวมทั้งทางเลือกให้ผู้ว่างงาน แรงงานคืนถิ่นที่สนใจยกระดับทักษะฝีมือแรงงาน up skill re skill กับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ซึ่งบูรณาการร่วมกับกรมการจัดหางานในการส่งเสริมการมีงานทำให้คนไทย