แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ครั้งที่ 13/2564 ผ่านระบบวิดิโอคอนเฟอเรนซ์ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศบค.เป็นประธานว่า
จากการรายงานสถานการณ์ติดเชื้อและยอดผู้เสียชีวิตในวงกว้าง ชุมชน แคมป์ก่อสร้าง ที่พักที่ยังอยู่กันแออัดมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง ทำให้ ศบค. ยังพิจารณาว่า มี 29 จังหวัด กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เพื่อให้การควบคุมการระบาดต่อเนื่องยังได้ผล
จึงจะยังมีมาตรการทางสังคม เวิร์คฟอร์มโฮม และเคอร์ฟิว ยังให้คงอยู่เช่นเดิม โดยตั้งแต่เวลา 21.00-04.00 เป็นระยะเวลา 14 วัน ผ่อนคลายการเปิดกิจการ/กิจกรรม สําหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ภายใต้มาตรการที่กําหนด ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป มีค่า นิวส์ จึงสรุปมาให้อ่านกันว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้าง ?
การเดินทางข้ามจังหวัดจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดได้ ดังนี้
1.ขอความร่วมมือหลีกเลี่ยงการเดินทาง หรือเดินทางเมื่อมีเหตุจําเป็นเท่านั้น
2.สื่อสารให้ผู้ที่มีประวัติเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หรือ ผู้ติดเชื้อให้เดินทางตามโครงการรับคนกลับบ้าน/รับผู้ป่วย กลับภูมิลําเนา เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อระหว่างและหลังการเดินทาง
3.ระบบขนส่งสาธารณะจํากัดจํานวนผู้โดยสาร ไม่เกิน 75 % สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ห้ามรับประทานอาหาร
4.มาตรการสําหรับรถโดยสาร หรือรถตู้ ระยะทางไกลควรแวะพักทุก 2- 3 ชั่วโมง เพื่อระบายอากาศ
5.การเดินทางไปทํางานของแรงงาน ให้ใช้ระบบ seal route ตามมาตรการ Bubble and Seal
6.การกํากับติดตามมาตรการโดย ผู้ประกอบการ กระทรวงคมนาคม และ สํานักงานการบินพลเรือน
การเปิดบริการของร้านอาหาร
1.ประเภทร้านอาหาร
– ร้านอาหารที่อยู่นอกอาคาร หรือ ในอาคาร แต่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ โล่ง อากาศถ่ายเทดี ให้นั่งรับประทานได้ 75 %
– ร้านอาหารที่เป็นห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ ให้นั่งรับประทานได้ 50 %
– ผู้ประกอบการต้องดําเนินตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคที่กําหนดไว้อย่างเคร่งครัด
การกํากับติดตามมาตรการ โดยผู้ประกอบการ สมาคมภัตตาคารไทย และ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานคร
การปรับมาตรการสําหรับกิจการห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ จําแนก ดังนี้
กิจการ/กิจกรรมสามารถเปิดดําเนินการได้ทุกแผนก ภายใต้มาตรการฯ ยกเว้น กิจการ/กิจกรรม ดังต่อไปนี้
กลุ่มที่ 1 กิจการ/กิจกรรมที่เปิดได้แบบมีเงื่อนไข ได้แก่
– ร้านเสริมสวย ร้านตัดผมหรือแต่งผม เปิดได้เฉพาะตัดผมเท่านั้น ไม่เกิน 1 ชั่วโมง
– ร้านนวด เปิดได้เฉพาะนวดเท้า
– คลินิกเสริมความงาม เปิดจําหน่ายสินค้าเท่านั้น (อาจมีการนัดหมายล่วงหน้า เมื่อมีความพร้อม)
– ร้านอาหาร เปิดได้ตามเงื่อนไขของมาตรการร้านอาหารมีเครื่องปรับอากาศ
กลุ่มที่ 2 กิจการ/กิจกรรมที่ยังไม่เปิดบริการ ได้แก่
– สถาบันกวดวิชา
– โรงภาพยนตร์
– สปา
– สวนสนุก สวนน้ํา
– ฟิตเนส ห้องออกกําลังกาย สระว่ายน้ํา
– ห้องจัดประชุม/จัดเลี้ยง
ผู้ประกอบการต้องดําเนินตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคที่กําหนดไว้อย่างเคร่งครัด การกํากับติดตามมาตรการ โดยสภาหอการค้าไทย และ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานคร เปิดถึง เวลา 20.00 น.
การเปิดกิจการ/กิจกรรมบางประเภท ได้แก่ ร้านเสริมสวย ร้านตัดผมหรือแต่งผม ร้านนวด(เฉพาะนวดเท้า)
– ผู้ประกอบการต้องดําเนินตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคที่กําหนดไว้อย่างเคร่งครัด
– การกํากับติดตามมาตรการ โดยผู้ประกอบการ และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานคร
การใช้อาคารของสถานศึกษา
สามารถใช้อาคารของสถานศึกษาได้ โดยผ่านความเห็นชอบของผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในพื้นที่ ร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด / กรุงเทพมหานคร และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกระทรวงสาธารณสุขกําหนด
การเปิดใช้สนามกีฬา และ สวนสาธารณะ
– สามารถเปิดใช้สนามกีฬา และสวนสาธารณะ ประเภทกลางแจ้ง หรือสนามกีฬาในร่มที่เป็นที่โล่ง อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่มีระบบปรับอากาศ สามารถใช้ในการเล่น ซ้อม หรือแข่งขันกีฬาได้แบบไม่มีผู้ชม ทั้งนี้ให้มีการจํากัดจํานวนผู้เข้าร่วมกิจกรรม และไม่ให้มีการรวมกลุ่มกัน โดยผ่านการพิจารณาจาก คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด กรุงเทพมหานคร
– สามารถเปิดใช้สนามกีฬาทุกประเภทสําหรับการฝึกซ้อมของนักกีฬาทีมชาติไทย แบบไม่มีผู้ชม โดยแจ้งให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/ กรุงเทพมหานคร ทราบล่วงหน้าก่อนการเริ่มใช้
– ผู้จัดการแข่งขัน ต้องดําเนินตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคที่กําหนดไว้อย่างเคร่งครัด – การกํากับติดตามมาตรการ โดยผู้จัดการแข่งขัน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการโรึติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานครเปิดถึง เวลา 20.00 น.