น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 14 กันยายน 2564 รับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ด้านการปรับตัวและการเข้าถึงดิจิทัล
สำนักงานสถิติแห่งชาติได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชน ที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป จำนวน 46,600 คน ระหว่างวันที่ 23 มิถุนายน -6 กรกฎาคม 2564 เกี่ยวกับการเรียนออนไลน์ พบว่า ร้อยละ 42 มีบุตรหลานอยู่ในวัยที่เรียนออนไลน์ ร้อยละ 14.7 มีบุตรหลานอยู่ในวัยเรียน แต่ไม่ได้เรียนออนไลน์ โดยปัญหาที่ประสบจากการเรียนออนไลน์ 5 อันดับแรก ได้แก่ ไม่ค่อยเข้าใจในวิชาที่เรียน,ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น, ไม่มีสมาธิ, สัญญาณอินเตอร์เน็ตไม่ดี และอุปกรณ์ไม่ทันสมัย
ส่วนผลการสำรวจเกี่ยวกับการทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home พบร้อยละ 81.5 ไม่ได้ทำงานที่บ้าน เพราะอาชีพไม่เหมาะสมกับการทำงานที่บ้าน ปัญหาที่ประชาชนประสบในการทำงานที่บ้าน เช่น ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น สภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย และสัญญาณอินเตอร์เน็ตไม่ดี
สำหรับแผนการปรับตัวเพื่อรับมือกับโควิด พบว่า 3 อันดับแรก คือ ปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินชีวิต เช่น ใส่หน้ากากอนามัยเมื่อออกจากบ้านทุกครั้ง และหลีกเลี่ยงการออกจากบ้าน หากไม่จำเป็น ร้อยละ 95.4 , นำเงินออมออกมาใช้จ่ายร้อยละ 32.6 พบในกลุ่มอาชีพค้าขาย ธุรกิจส่วนตัวในสัดส่วนที่สูงกว่ากลุ่มอาชีพอื่น และ กู้ยืมเงินหรือจำนำ ขายทรัพย์สินที่มีอยู่ร้อยละ 22.8 พบในกลุ่มอาชีพรับจ้างทั่วไป ขับรถรับจ้าง กรรมกร ในสัดส่วนที่สูงกว่ากลุ่มอาชีพอื่น