Mekha News (มีค่านิวส์) : เว็บไซต์ข่าว ที่จะนำเสนอข่าวสารเพื่อรักษาสิทธิให้กับคุณ

รายงานพิเศษ : เราเที่ยวด้วยกัน – ทัวร์เที่ยวไทย 2 โครงการสุดปัง หวังฟื้นเศรษฐกิจไทย

ข่าวดี! สำหรับสายเที่ยว เพราะกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนโครงการ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3” และโครงการ “ทัวร์เที่ยวไทย” ในวันที่ 24 กันยายน 2564 เป็นต้นไป ผ่านทางเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com  และ www.ทัวร์เที่ยวไทย.ไทย ซึ่งลงทะเบียนได้ทั้งรายใหม่และผู้ที่เคยใช้สิทธิแล้ว และเมื่อได้รับสิทธิ เริ่มจองห้องพักได้ ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป และเริ่มเดินทางท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2564 ยาวไปถึงต้นปี 2565 มีค่า นิวส์ จึงพามาทำความรู้จัก 2 โครงการนี้

โครงการ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3”

สำหรับที่มาของแนวคิดโครงการ ต้องขอย้อนไป เมื่อปี 2563 โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เกิดขึ้นจากความร่วมมือของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ กระทรวงการคลัง มีจุดประสงค์เพื่อต้องการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศให้เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย หลังโควิด-19 คลี่คลาย ด้วยการกระจายการเดินทางให้กลับมาคึกคักในช่วงโลว์ซีซั่น ประคองกระแสการเดินทางให้ฟื้นตัวต่อเนื่องจนถึงช่วงไฮซีซั่นปลายปี ซึ่งเป็นผลพวงจากการล็อกดาวน์ จำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ

ดำเนินการมาแล้ว 2 เฟส โดยเฟสที่ 2 เพิ่งจะสิ้นสุดไปเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2564 โดยตามกำหนดเดิม คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2564 ให้เปิดโครงการได้ในเดือนพฤษภาคม 2564 รวมถึงเพิ่มสิทธิให้อีก 2 ล้านสิทธิจากเดิมที่เคยให้สิทธิไปแล้วรวม 6 ล้านห้องในช่วงเฟส 1 เฟส 2

แต่ต่อมา ศบค. มีคำสั่งให้ประชาชนงดการเดินทาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงชะลอโครงการ กระทั่งเคาะ! เตรียมเปิดลงทะเบียนวันที่ 24 กันยายน 2564 ดังกล่าว

คุณสมบัติผู้ลงทะเบียนรับสิทธิ โครงการ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3”

– เป็นบุคคลสัญชาติไทย มีบัตรประจำตัวประชาชน

– มีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน

เมื่อลงทะเบียนรับสิทธิโครงการ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3” แล้วจะได้สิทธิอะไร

สิทธิที่ 1 ส่วนลดค่าที่พัก 40% สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องหรือคืน สูงสุด 15 ห้อง หรือ 15 คืน

สิทธิที่ 2 รับคูปองมูลค่าสูงสุด 600 บาท ต่อห้องต่อคืนวัน (ทุกวัน) ใช้เป็นส่วนลดค่าอาหารและค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวที่ร่วมโครงการ โดยชำระเพียง 60% อีก 40% ตัดจากคูปอง เมื่อ Check-in เข้าพัก จึงจะได้รับคูปองเป็นรายวัน (หลัง 17:00 น.)

สิทธิที่ 3 คืนเงินค่าตั๋วเครื่องบิน 40% สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาท ต่อผู้โดยสาร จำกัดห้องพักละ 2 ผู้โดยสาร ตามจำนวนห้องพักที่จองผ่านโครงการ

ขั้นตอนลงทะเบียน และการใช้สิทธิโครงการ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3”

1.ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่าน www.เราเที่ยวด้วยกัน.com หรือ แอปพลิเคชัน เป๋าตัง

2.ได้รับ sms แจ้งผลการลงทะเบียนสำเร็จ

3.ดาวน์โหลด + ติดตั้ง และยืนยันตัวตนบน App เป๋าตัง ซึ่งเป็น App หลักในการใช้จ่าย

4.จองห้องพักกับโรงแรม พร้อมชำระเงินส่วนประชาชน (ร้อยละ 60) ผ่านเว็บไซต์ของโรงแรมหรือโทรสำรองห้องพักกับเจ้าหน้าที่โรงแรม

5.ได้รับ voucher สำหรับ check-in โรงแรม

6.จองตั๋วเครื่องบินตามช่องทางปกติ และชำระเงินเต็มจำนวน (กรณีเดินทางโดยเครื่องบิน)

7. Check-in เข้าพักตามวันที่กำหนด (ในระหว่างการเข้าพักจะได้รับคูปองอาหาร/ท่องเที่ยวเป็นรายวันสำหรับใช้จ่ายในร้านอาหาร/สถานที่ท่องเที่ยวที่ร่วมโครงการ)

8. Check-out

9.เข้าเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com  เพื่อกรอกข้อมูลสำหรับใช้สิทธิค่าตั๋วเครื่องบิน (กรณีเดินทางโดยเครื่องบิน)

10.ได้รับเงินคืนค่าตั๋วเครื่องบินตามเงื่อนไข (กรณีเดินทางโดยเครื่องบิน ลงทะเบียนใช้สิทธิ และปฏิบัติตามเงื่อนไขของโครงการ) กรณีเดินทางโดยเครื่องบินซึ่งจะลงทะเบียนรับสิทธิได้ เมื่อ check-out แล้วเท่านั้น

วิธีจองโรงแรม ที่พัก โครงการ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3”

1.ติดต่อโรงแรมโดยตรง ทางโทรศัพท์หรือเว็บไซต์ของโรงแรม

2.จองห้องพัก โดยแจ้งความประสงค์ใช้สิทธิร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน

3.ได้รับแจ้งเตือนชำระเงินผ่าน App เป๋าตัง

4.ตรวจสอบข้อมูลรายการ และดำเนินการชำระเงิน (ร้อยละ 60) ผ่าน G-Wallet

5.ระบบส่งคูปองสำหรับ check-in ที่โรงแรมเข้า App เป๋าตัง

วิธีขอรับเงินสนับสนุนค่าเครื่องบิน โครงการ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3”

1.ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ และได้รับ SMS ลงทะเบียนสำเร็จ

2.ดาวน์โหลด App เป๋าตัง และจองโรงแรม

3.จองตั๋วเครื่องบินกับเว็บไซต์สายการบินโดยตรง และชำระเงินเต็มจำนวนโดยซื้อได้ทั้งตั๋วเที่ยวเดียว หรือตั๋วไป-กลับ โดยสนามบินปลายทางต้องอยู่ในกลุ่มจังหวัดเดียวกับโรงแรมที่จอง

ตัวอย่าง โรงแรมที่จองไว้ในโครงการนี้อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ซึ่งเป็นจังหวัดในกลุ่มจังหวัดที่ 1

กรณีที่ 1 สามารถเลือกเดินทางไปลงที่สนามบินเชียงใหม่ได้เลยเพราะมีสนามบินภายในจังหวัด หรือ

กรณีที่ 2 สามารถเลือกเดินทางไปลงสนามบินจังหวัดอื่นที่อยู่ในกลุ่มจังหวัดที่ 1 ได้ เช่น ไปลงที่สนามบินเชียงรายเพื่อเที่ยวก่อนแล้วจึงขับรถไปเข้าพักที่จังหวัดเชียงใหม่ก็ทำได้เช่นกัน เพราะทั้งสองจังหวัดอยู่ในกลุ่มจังหวัดเดียวกัน

4.เดินทางตามเที่ยวบินที่จอง โดยสามารถเลือกบินไปถึงก่อนวันที่ Check-in โรงแรมได้ไม่เกิน 5 วัน และเลือกบินกลับหลังจากวันที่ Check-out โรงแรมได้ไม่เกิน 5 วัน

ตัวอย่าง วันที่ต้องเข้า Check-in โรงแรมที่จองไว้ในโครงการ คือ วันที่ 23 ก.ค. และวันที่ Check-out คือวันที่ 25 ก.ค.

กรณีที่ 1 สามารถเลือก Flight บินขาไปวันที่ 23 ก.ค.  และขากลับบินวันที่ 25 ก.ค.  หรือ

กรณีที่ 2 สามารถเลือก Flight บินขาไปได้ตั้งแต่วันที่ 18 – 23 ก.ค. แล้วขากลับตั้งแต่วันที่ 25 – 30 ก.ค.

5.เมื่อกลับจากท่องเที่ยว (check-out แล้ว) โปรดกรอกข้อมูล โดยกดปุ่ม “ลงทะเบียนรับสิทธิตั๋วเครื่องบิน”ผ่าน www.เราเที่ยวด้วยกัน.com  เพื่อขอรับเงินสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบิน โดย

– ชื่อ-นามสกุลภาษาอังกฤษที่ใช้ในการจองตั๋วเครื่องบิน ต้องตรงกับชื่อ-นามสกุลภาษาอังกฤษบนบัตรประจำตัวประชาชน

– รับสิทธิเงินสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินท่านละ 40% ของจำนวนเต็ม ไม่เกิน 3,000 บาทต่อ 1 ผู้โดยสาร (เงื่อนไขเป็นไปตามรายละเอียดของโครงการ)

– 1 ห้องพักโรงแรมที่จองผ่านโครงการ รับสิทธิได้ 2 ผู้โดยสาร เช่น หากจองโรงแรม 3 ห้อง จะสามารถขอรับสิทธิได้สูงสุด 6 ผู้โดยสาร (ไม่เกินจำนวนผู้โดยสารจริง)

– สิทธิทั้งโครงการฯ ไม่เกิน 2 ล้านสิทธิ โดยรับสิทธิตามลำดับก่อนหลังของการกรอกข้อมูลลงทะเบียนฯ หรือจนกว่าจะสิ้นสุดโครงการฯ)

6.เมื่อได้รับอนุมัติแล้ว ระบบจะโอนเงินสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบิน 40% ของมูลค่าตั๋วเครื่องบิน ไม่เกิน 3,000 บาทต่อ 1 ผู้โดยสาร (เงื่อนไขเป็นไปตามรายละเอียดของโครงการ) เข้า G-wallet ใน App เป๋าตัง ของผู้ยื่นคำขอ

ประเภทกิจการที่สามารถร่วมโครงการ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3”

1.โรงแรม/ที่พัก ที่มีใบอนุญาตประกอบการธุรกิจโรงแรม และโรงแรมหรือที่พักที่ไม่มีใบอนุญาตแต่มีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.20)

2.ร้านอาหาร ที่มีการประกอบกิจการจริง และปฏิบัติตามเงื่อนไขของมาตรการรัฐ

3.สถานที่ท่องเที่ยว ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวและนันทนาการที่จดทะเบียนนิติบุคคล

4.กิจการ OTOP ที่มีใบอนุญาตประกอบการตามกระทรวงมหาดไทย

5.กิจการสุขภาพและความงาม ที่เป็นธุรกิจสปาหรือนวดเพื่อสุขภาพ

6.กิจการให้เช่า รถ, เรือ ที่เป็นธุรกิจขนส่งภาคการท่องเที่ยว

ศึกษาคู่มือใช้สิทธิ เราเที่ยวด้วยกัน ได้ที่ >> https://www.xn--12c1bik6bbd8ab6hd1b5jc6jta.com/assets/download/Manual_%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99_%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%99_150720_v3.pdf

โครงการ “ทัวร์เที่ยวไทย”

เป็นโครงการใหม่ ที่ปรับเปลี่ยนมาจากโครงการ “เที่ยวไทยวัยเก๋า” เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมระดับอายุมากขึ้น เริ่มตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป จากเดิมจำกัดแค่เพียงผู้สูงวัยเท่านั้น และเพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศผ่านบริษัทนำเที่ยว ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2564 ให้เริ่มโครงการไปพร้อมกับโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 ในเดือนพฤษภาคม 2564 ภายใต้งบประมาณ 5,000 ล้านบาท

แต่ต่อมา ศบค. มีคำสั่งให้ประชาชนงดการเดินทาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงชะลอโครงการ กระทั่งเคาะ! เตรียมเปิดลงทะเบียนวันที่ 24 กันยายน 2564 เช่นกัน

ผู้ที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการ “ทัวร์เที่ยวไทย”

– นักท่องเที่ยวไทยที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ณ วันลงทะเบียน

– นักท่องเที่ยว 1 คนสามารถใช้สิทธิ์ตามโครงการฯ ได้ 1 สิทธิ

– ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับประชาชนผู้ท่องเที่ยวที่ได้รับเงินสนับสนุนหรือประโยชน์ใดๆ

– ให้สิทธิทั้งโครงการจำนวน 1,000,000 สิทธิ

สำหรับ ผู้ประกอบการ ต้องเป็นบริษัทที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายกับกรมการท่องเที่ยว ก่อนวันที่ 1 ม.ค. 63 ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติโดยกรมการท่องเที่ยว

เงื่อนไขโครงการ “ทัวร์เที่ยวไทย(อัพเดท 22 กันยายน 2564)

1.รัฐช่วยจ่ายไม่เกิน 5,000 บาท โดยเป็นลักษณะแบบ Co-Payment รัฐช่วยสนับสนุนค่าเดินทางในลักษณะร่วมจ่าย 40% แต่ไม่เกิน 5,000 บาทต่อคน กำหนดสิทธิให้ประชาชนจำนวน 1 ล้านสิทธิ

2.ต้องเดินทางท่องเที่ยวผ่านบริษัททัวร์ โดยนักท่องเที่ยว จะต้องเลือกซื้อบริการนำเที่ยว ในราคาไม่เกิน12,500 บาทต่อโปรแกรม

3.ต้องเดินทางท่องเที่ยวข้ามจังหวัดเท่านั้น

4.สามารถเดินทางได้ทุกวัน จากเดิมเดินทางได้เฉพาะวันอาทิตย์ – พฤหัสบดี

5.บริษัททัวร์จะต้องสมัครเข้าร่วมโครงการทัวร์เที่ยวไทย กับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จากนั้นให้จัดทำโปรแกรมนำเที่ยวเป็น 30 รายการต่อบริษัท จากเดิม 15 รายการต่อบริษัท จะขายขั้นต่ำราคาเท่าไหร่ก็ได้ แต่สูงสุดต้องไม่เกิน 12,500 บาทต่อโปรแกรม โดยในโปรแกรมนั้นๆ จะต้องระบุชื่อโรงแรม ชื่อร้านอาหารที่อยู่ในโปรแกรมให้ชัดเจน

6.บริษัททัวร์ 1 แห่ง รับนักท่องเที่ยวได้ไม่เกิน 1,000 ราย ต่อ 1 บริษัท

7. ซื้อโปรแกรม “ทัวร์เที่ยวไทย” ต้องจ่ายผ่านแอปฯ “เป๋าตัง”

8.ป้องกันการทุจริตด้วยการ กำหนดให้มีการ “สแกนคิวอาร์โค้ด” และ “สแกนใบหน้า” ของนักท่องเที่ยว ระหว่างทัวร์ หรือ เดินทางไปยังโรงแรม และร้านอาหารต่างๆ ที่อยู่ในโปรแกรมการท่องเที่ยวนั้นๆด้วย

วิธีลงทะเบียนรับสิทธิโครงการ “ทัวร์เที่ยวไทย”

ลงทะเบียนที่ www.ทัวร์เที่ยวไทย.ไทย ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2564 เป็นต้นไป      

ขั้นตอนใช้สิทธิโครงการ “ทัวร์เที่ยวไทย”

1.นักท่องเที่ยวต้องไปดูในเว็บไซต์ของ ททท. แล้วเลือกโปรแกรมท่องเที่ยวที่ต้องการ

2.จากนั้นให้ดำเนินการติดต่อบริษัททัวร์เจ้าของโปรแกรมนั้นๆ และชำระเงินผ่านแอปฯ เป๋าตัง เท่านั้น จะไม่มีการชำระเงินในลักษณะอื่น โดยจะเป็นการสแกนจ่ายระหว่างแอปฯ เป๋าตัง ซึ่งบริษัทนำเที่ยวต้องมีแอปฯ ถุงเงิน เอาไว้รับเงินจากลูกค้า

3.ขณะเดียวกันบริษัททัวร์เองก็ต้องกด “สแกนสถานที่ท่องเที่ยว” ที่อยู่ในโปรแกรมด้วย เพื่อคัดกรองตรวจสอบว่ามีการเดินทางไปใช้สถานที่นั้นจริง

4.ธนาคารกรุงไทย และ ททท. จะนำข้อมูลจากการสแกนเหล่านั้น มาใช้ตรวจสอบในการดำเนินงานในโครงการ “ทัวร์เที่ยวไทย” เพื่อให้เกิดความโปร่งใส

ไทม์ไลน์ ลงทะเบียน รับสิทธิ ทั้ง 2 โครงการ

อย่างที่บอกไปข้างต้น ว่าในวันที่ 24 ก.ย.2564 จะเป็นวันแรกของการ “เปิดระบบ” ลงทะเบียน โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 และโครงการทัวร์เที่ยวไทย ทั้งในส่วนของประชาชนทั่วไปและผู้ประกอบการ ซึ่งนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า

ส่วนของ “ประชาชนทั่วไป” ที่ต้องการใช้สิทธิ

จะเปิดให้ลงทะเบียนสำหรับผู้ที่ยังไม่เคยลงทะเบียน ผ่านเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com  ส่วนผู้ที่ลงทะเบียนหรือเคยใช้สิทธิไปแล้ว ต้องเข้าไปยอมรับเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการใหม่ และยืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิบนแอพพลิเคชั่น “เป๋าตัง”  ซึ่งจะให้สแกนใบหน้า หลังจากประชาชนเข้ายืนยันสิทธิแล้ว ระบบจะใช้เวลา 7 วันเพื่อตรวจสอบสิทธิว่าเป็นตัวจริงหรือไม่

เหตุผลที่ต้องมีการยืนยันตัวตนด้วยระบบสแกนใบหน้าด้วย เนื่องจากตอนนักท่องเที่ยวใช้สิทธิเช็กอินเข้าพักโรงแรมหรือเดินทางกับบริษัทนำเที่ยว จะต้องมีการสแกนใบหน้ายืนยันอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความรัดกุมในการใช้สิทธิมากยิ่งขึ้น ป้องกันปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นตามมา เหมือนในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 1 และเฟส 2

ทั้งนี้ หากประชาชนที่เคยลงทะเบียนใช้สิทธิไปแล้วในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 1 และเฟส 2 เช่น ใช้ไปแล้ว 5 สิทธิ ก็จะเหลือสิทธิที่สามารถใช้ได้อีก 10 สิทธิ จากจำนวนสิทธิที่ได้รับทั้งหมด 15 สิทธิ แต่ถ้าใช้สิทธิครบทั้ง 15 สิทธิแล้วในเฟส 1 และเฟส 2 จะไม่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3

ส่วนของ “ผู้ประกอบการ” ต้องมาลงทะเบียนสมัครใหม่

เพราะมีเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการใหม่ โดยผู้ประกอบการโรงแรมจะต้องส่งแผนเรตราคาห้องพัก (Rate Plan) และส่งจำนวนห้องพักของโรงแรมนั้นๆ เพื่อให้ระบบตรวจสอบด้วย

การเริ่มใช้สิทธิท่องเที่ยว  

ททท.คาดว่าน่าจะเปิดให้ใช้สิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 และทัวร์เที่ยวไทย เริ่มเดินทางได้จริงตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.2564 แต่เนื่องจากเริ่มดำเนินโครงการทั้ง 2 โครงการช้ากว่ากำหนดเดิม ทาง ททท.จะหารือเพิ่มเติมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ถึงความเป็นไปได้ว่าสามารถยืดระยะเวลาทั้งสองโครงการไปจนถึงสิ้นเดือน ก.พ.2565 ได้หรือไม่  

ที่มา https://www.bangkokbiznews.com/news/914544

https://www.thansettakij.com/business/473269

www.เราเที่ยวด้วยกัน.com

www.ทัวร์เที่ยวไทย.ไทย

Exit mobile version