หนึ่งข้อเท็จจริงที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยทราบว่า ความท้าทายอันยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการทันตกรรมในประเทศไทยนั้น คือ จำนวนของประชากรที่มีมากถึง 69 ล้านคน ซึ่งอาจเป็นจำนวนที่เกินกว่าความสามารถที่ทันตแพทย์จะดูแลได้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่ห่างไกล หรือ ต่างจังหวัด
สิ่งเหล่านี้ จึงกลายมาเป็นแรงผลักดัน ที่ทำให้คุณพิมลพัชร์ ธนุสุทธิยาภรณ์ หรือ คุณพอลลีน หนึ่งในผู้ก่อตั้งและดำรงตำแหน่ง Chief Marketing Officer (ประเทศไทยและสิงค์โปร์) ให้กับ “Selfie.th เทคโนโลยีจัดฟันใส” บริษัทสตาร์ทอัพระดับนานาชาติมุ่งมั่นที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงนี้ให้กับผู้บริโภคชาวไทยทุกคน
มีค่า นิวส์ จึงชวนคุณพอลลีนมาเปิดเบื้องหลังกว่าจะเป็นบริษัทสตาร์ทอัพระดับนานาชาติ ด้วยประสบการณ์มากมายทางด้านการบริหารธุรกิจครอบครัวเเละได้สร้างสตาร์ทอัพในกลุ่ม Automotive Industry ที่ประสบความสำเร็จ จึงทำให้เธอมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่มากกว่าเดิม เพื่อมองหาสิ่งเติมเต็มความตั้งใจนี้
จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ สู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่
คุณพอลลีน ผู้มีเป้าหมายที่จะสร้างสตาร์ทอัพในระดับนานาชาติได้มีโอกาสได้พบกับผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์โดยบังเอิญอย่างคุณวิลเลี่ยม พาร์ค (William Park) และคุณไดอาน่า ม็อก (Diana Mok) ในขณะที่กำลังศึกษาโปรแกรม MBA ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นจุดเริ่มต้นของผู้ร่วมก่อตั้งเเบรนด์ทั้ง 3 ท่านที่มีจุดมุ่งหมายร่วมอันยิ่งใหญ่ในการเปลี่ยนแปลงประสบการณ์การจัดฟันแบบใสให้เข้าถึงได้ง่ายและเป็นมิตรมากยิ่งขึ้น ด้วยการบุกเบิกนวัตกรรมแห่ง “ทันตกรรมอัจฉริยะ” หรือ “Smart Dentistry” เพื่อสร้างประสบการณ์การจัดฟันแบบใสที่บ้าน ภายใต้การดูแลของทันตแพทย์และผู้เชี่ยวชาญครั้งแรกในไทย
คุณพอลลีนกล่าวเพิ่มเติมว่า “ในปัจจุบันผู้บริโภคไทยต้องพบเจอกับความยาก ที่จะเข้าถึงการจัดฟันใสได้อย่างเท่าเทียมจากหลากหลายข้อจำกัดและอุปสรรคทางสังคมมากมาย เช่น สถานที่รักษา การเดินทาง ค่าใช้จ่าย และข้อมูลข่าวสาร ที่ทำให้เกิดความสับสนเกี่ยวกับการรักษา เราจึงพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเดิม ๆ ทำลายกำแพงแห่งอุปสรรคทั้งหมด เพื่อผลลัพธ์แห่งประสบการณ์จัดฟันแบบใส ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบที่ดีที่สุดแก่ผู้บริโภคไทย”
ทลายทุกข้อจำกัด ให้ผู้บริโภคเข้าถึงบริการได้ทุกที่ทุกเวลา
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด19ในประเทศไทย ทำให้ผู้บริโภคที่ติดตามเซลฟี่ กว่า 93% (จากผลการทำแบบสอบถาม) มีความกังวลเกี่ยวกับการเข้ารับการรักษาที่คลินิกสูงขึ้น อีกทั้งคลินิกทันตกรรมหลายแห่งยังได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดด้านสาธารณสุข และค่าใช้จ่ายในการรักษาต่างๆ ยังเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากต้นทุนด้านความปลอดภัยของผู้เข้ารับการรักษา
ทำให้ Selfie นำเทคโนโลยีทันตกรรมอัจฉริยะภายใต้ชื่อเทคโนโลยี SmartR มาใช้ ด้วยความตั้งใจที่จะทำให้ทุกคนสามารถจัดฟันได้จากทุกที่ทุกเวลาอย่างแท้จริง เช่น การพิมพ์ฟันได้ด้วยตัวเองจากที่บ้านโดยใช้ Selfie Impression Kit ที่ได้รับการออกเเบบเเละพัฒนาโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดฟัน เเละผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาทั้งในไทยและต่างประเทศ
พร้อมทั้งเทคโนโลยีที่ทำให้ลูกค้าสามารถติดตามความคืบหน้าในการรักษาผ่าน Application ได้อย่างสะดวกสบายภายใต้การดูเเลจากทันตเเพทย์เเละผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงค่าบริการที่คุ้มค่าและจริงใจเพราะรวมทุกอย่างไว้ในราคาเดียว (53,490 บาท) โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมตลอดการรักษา
ใส่ใจทุกขั้นตอนสร้างแบรนด์ คือ หัวใจของประสบการณ์ที่ดีที่สุด
นอกเหนือจากการทลายทุกอุปสรรคการเข้าถึงการจัดฟันของผู้บริโภคแล้ว Selfie ยังมุ่งเน้นที่จะออกแบบการบริการที่ดีที่สุดในทุกขั้นตอนของการรักษา ดังนี้
- ดีไซน์แต่ละผลิตภัณฑ์ให้ทันสมัย และมีความเป็นแฟชั่นเหมาะกับคนยุคใหม่
- การวางแผนการรักษาด้วยภาพ 3 มิติ เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจการเคลื่อนตัวของฟันตั้งแต่ต้นจนจบการรักษา พร้อมเครื่องมือจัดฟันที่ส่งตรงถึงบ้านแบบไร้ค่าใช้จ่าย
- มีทีมงานที่พร้อมตอบทุกคำถามและให้การช่วยเหลือลูกค้าตลอด 24 ชม. เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะมอบการรักษาด้วยคุณภาพที่สูงที่สุดแก่ลูกค้าทุกคนอย่างแท้จริง
สุดท้าย คุณพอลลีนฝากว่า การสร้างเเบรนด์มีความหมายมากกว่าเพียงเเค่การขายสินค้า เราตั้งใจที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ที่สามารถสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับทุกคน และเราไม่นิยามการจัดฟันแบบใสว่าทำเพื่อความสวยงามเป็นอย่างเดียว เราจะไม่พูดจัดฟันแล้วสวยหรือจัดฟันแล้วมั่นใจ แต่เราให้ลูกค้าของเรากำหนดเป้าหมายและนิยามการทำสิ่งนี้ด้วยตัวเอง และเราในฐานะแบรนด์จะคอยสนับสนุนทุกคนให้เดินทางไปสู่เป้าหมายอย่างสุดความสามารถ นั่นคือ นิยามของคำว่าแบรนด์ที่เป็นมากกว่าแบรนด์ของเซลฟี่
ติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : Selfie.th เทคโนโลยีจัดฟันใส
Instagram: @selfie.th LINE: @selfie.th และ www.selfie.co.th