หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 5 ตุลาคม 2564 มีมติเห็นชอบตามหลักการในฐานะประธานบอร์ด EEC อ่านย้อนหลังที่ https://mekhanews.com/2021/10/05/the-cabinet-knocks-set-up-six-additional-special-economic-promotional-zones-to-attract-foreign-investors/
นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุม
ดังนั้นในฐานะที่ได้เป็นคณะกรรมการนอกจากจะมีการหารือภาพและแผนโดยรวมแล้ว ในส่วนของเมืองพัทยายังได้นำเสนอแผนและโครงการในการพัฒนาหลายด้าน เพื่อต้องการให้เมืองพัทยากลายเป็นศูนย์กลางทางการท่องเที่ยวและการลงทุนอย่างแท้จริง
การประชุมครั้งนี้สิ่งสำคัญที่ได้นำเสนอ คือ
1.เรื่องแผนพัฒนาเมืองพัทยา หรือ NEO PATTAYA เพื่อต้องการขยายผลไปสู่การพัฒนาพื้นที่เมืองพัทยาให้เป็นศูนย์กลางทางการลงทุนและการท่องเที่ยวทั้งในระดับ EEC และเป็นศูนย์กลางหลักของประเทศ โดยในเรื่องของการการท่องเที่ยวนั้นได้เสนอ
2.โครงการในการพัฒนาพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งชายหาดพัทยา ชายหาดจอมเทียน เขาทัพพระยา แม้กระทั่งตลาดค้าอาหารทะเลสดลานโพธิ์นาเกลือ ตามโครงการ Old Town นาเกลือ และ NEO เกาะล้านด้วย ซึ่งทั้ง 5 สถานที่นี้จะต้องมีการปรับปรุงพัฒนาและจัดทำเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงคุณภาพโฉมใหม่! ที่จะสร้างแรงดึงดูดให้กับนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
สำหรับโครงการ Old Town นาเกลือ จะมีการจัด 12 โครงการหลัก ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการไปแล้วบางโครงการ และบางโครงการกำลังจะจัดทำ ด้วยได้รับการพิจารณาและอนุมัติงบประมาณลงมาเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ โครงกรทั้งหมดคาดว่าจะแล้วเสร็จ ภายในปี 2566 ซึ่งโครงการเหล่านี้ จะทำให้ตลาดลานโพธิ์และชุมชนนาเกลือ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมแห่งใหม่ที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะเรื่องของการค้าอาหารทะเลสดที่จะมีการปรับปรุงตลาดให้มีความสวยงาม สะดวก สะอาด และถูกสุขลักษณะ ได้มาตรฐาน ทั้งเรื่องของร้านค้า และลานเอนกประสงค์เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในการนั่งรับประทานอาหาร โดยปัจจุบันกำลังดำเนินการจัดสร้างอาคารที่จอดรถไว้เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย
นอกจากเรื่องของการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวแล้ว ปัญหาสำคัญของเมืองพัทยาอีกประการคือเรื่องระ บบระบายน้ำ และระบบบำบัดน้ำเสีย ซึ่งกรณีนี้ได้รายงานให้ทางนายกรัฐมนตรีได้รับทราบไปแล้ว ทั้งแผนการแก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้น กลาง และยาว
- แผนระยะสั้น กำลังดำเนินการวางท่อระบายน้ำขนาด 2 เมตรวางแนวตลอดเลียบทางรถไฟ เพื่อรับน้ำจากฝั่งตะวันออกซึ่งเป็นเขตชุมชนทั้งจากตำบลหนองปรือ หนองปลาไหล และห้วยใหญ่ เพื่อระบายน้ำที่หลากเข้าสู่เมืองพัทยาไปปล่อยยังคลองธรรมชาติ โดยโครงการนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2566
- แผนระยะกลาง จะมีการสนับสนุนงบประมาณในการซ่อมปั้มสถานีสูบขนาดใหญ่จำนวน 6 สถานี ตามพื้นที่ปัญหา เพื่อให้สามารถสูบระบายน้ำที่ท่วมขังซ้ำซากตามแหล่งชุมชน และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆเพื่อระบายลงสู่คลองสาธารณะและทะเล
- แผนระยะยาว ในอดีตเมืองพัทยา เคยเสนอผ่านไปยังคณะกรรมการนโยบายน้ำแห่งชาติ ที่จะร่วมกักรมโยธาธิการและผังเมืองในการวางแผนแม่บทในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังทั้งระบบ กระทั่งปี 2564 โครงการนี้ผ่านความเห็นชอบจาก ครม.แล้ว แต่ยังอยู่ในช่วงระหว่างการจัดสรรงบประมาณที่คาดว่าน่าจะทราบผลอย่างเป็นทางการในปีงบประมาณ 2566
สุดท้ายคือปัญหาของระบบบำบัดน้ำเสีย ซึ่งจะต้องมีการพัฒนาและขยายขีดความสามารถในการบำบัดและรองรับน้ำเสียให้ได้จำนวนมากขึ้น จากการเติบโตทางเศรษฐกิจ สังคม และประชากร โดยปัจจุบันเมืองพัทยามีโรงบำบัดน้ำเสีย 2 แห่ง คือ
- ซอยวัดหนองใหญ่ ที่รับน้ำเสียได้วันละ 6.5 หมื่น ลบ.ม.แต่กำลังมีการออก แบบเพื่อเพิ่มความสามารถในการรองรับน้ำเสียเพิ่มขึ้นเป็น 1.5-2 แสน ลบ.ม./วัน
- โรงบำบัดซอยวัดบุญกัญจนาราม มีความสามารถในการบำบัดน้ำเสียได้วันละ 4 หมื่น ลบ.ม.แต่ปัจจุบันรับน้ำเสียเพียง 2 หมื่น ลบ.ม.
สถานที่แห่งนี้ จะเป็นโครงการในอนาคตที่จะต้องมีการพัฒนาและเพิ่มความสามารถในการบำบัดน้ำเสียเพิ่มขึ้น ด้วยความเติบโตทางเศรษฐกิจ การลงทุน และการท่องเที่ยว ที่ปัจจุบันพื้นที่จอมเทียนถือว่าเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก