กรณีที่องค์การต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก (World Anti-Doping Agency : WADA) ออกประกาศแบนประเทศไทยไม่สามารถดำเนินการจัดแข่งขันและใช้ธงชาติไทยในการส่งนักกีฬาเข้าแข่งขันเป็นเวลา 1 ปี เนื่องจากทำผิดกฎของ WADA ในเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย และลักษณะการบริหารงานไม่เป็นองค์กรอิสระ
เรื่องนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าได้ชี้แจงในที่ประชุม ครม. และได้เชิญการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) หารือปัญหาดังกล่าว ทราบว่าจำเป็นต้องแก้กฎหมาย จึงเสนอ ครม. (เดือน ก.ย.) มอบหมายให้ กกท. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไปหารือร่วมกัน ซึ่งขณะนี้ได้ข้อสรุปแล้ว และได้นำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษ คาดว่าภายในเดือน ต.ค.นี้ จะสามารถยกร่างเป็นกฎหมายได้เรียบร้อย
สำหรับสิ่งที่ WADA ต้องการให้ปรับปรุงแก้ไขมี 5 ข้อ ได้แก่
1.ความเป็นอิสระของสำนักงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบสารต้องห้าม ซึ่งไทยมีหน่วยงานนี้แล้ว ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ.2555 แต่หน่วยงานนี้ขึ้นอยู่กับ กกท. จากนี้ ต้องแยกหน่วยงานดังกล่าวออกไปเป็นอิสระจากรัฐ จึงทำให้ต้องมีการแก้กฎหมาย
2.เรื่องบทลงโทษผู้ที่ใช้สารต้องห้าม
3.เรื่องบุคคลอื่นที่ไม่ใช่นักกีฬา แต่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับนักกีฬา อาทิ ครอบครัวนักกีฬาและมีอิทธิพลต่อนักกีฬาให้มีการใช้สารต้องห้าม ซึ่งต้องมีการแก้กฎหมายให้สามารถลงโทษคนเหล่านี้ได้ด้วย
4.เรื่องการลงโทษนักกีฬาโดยตัดสิทธิ์ไม่ให้ลงแข่งขัน ซึ่งบทลงโทษที่มีอยู่เดิม ยังไม่เพียงพอ
5.ประเด็นเกี่ยวกับคำนิยาม “สารต้องห้าม”
เบื้องต้น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับปากว่าจะแก้ไขกฎหมายเสร็จภายในเดือนตุลาคมนี้ และถ้าต้องการนำมาใช้เป็นการเร่งด่วน จะต้องออกมาเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) หากไม่เร่งด่วน ก็ออกมาเป็นกฎหมายปฏิรูป แล้วนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ตามปกติ แต่อาจมีความล่าช้า
อย่างไรก็ตาม การที่ WADA ตัดสิทธิประเทศไทยครั้งนี้ จะส่งผลกระทบต่อไทย ในการจัดแข่งขันกีฬานานาชาติ เพราะ WADA สามารถขอให้ประเทศอื่นไม่มาแข่งกีฬาในไทย จะทำให้ไทยเสียรายได้ทางเศรษฐกิจ
ที่มา : สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์