วันที่ 2 ธันวาคม 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดงานการประชุมชี้แจงและลงนามสัญญาจ้างให้บริการทางการแพทย์ ประจำปี 2565 ที่ห้องประชุมชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน โดยมีผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ผู้บริหารสำนักงานประกันสังคม และผู้บริหารสถานพยาบาลเข้าร่วม
นายสุชาติ กล่าวว่า ขอขอบคุณผู้แทนสถานพยาบาล ผู้แทนหน่วยงาน ผู้ที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมชี้แจงและลงนามสัญญาจ้างให้บริการทางการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 ประจำปี 2565 หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสถานพยาบาลทุกแห่งจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างหลักประกันความมั่นคงในการดำรงชีวิตให้กับแรงงานทุกคน
ที่ผ่านมา รัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงานได้ให้ความสำคัญในการดูแลผู้ใช้แรงงานอย่างมาก เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองได้รับสิทธิอย่างเท่าเทียมกัน
จึงมอบหมายให้กระทรวงแรงงานนำนโยบาย “รวมไทยสร้างชาติ” และมุ่งมั่น ตั้งใจที่จะผลักดันนโยบายแรงงานต่าง ๆ ทั้งการให้แรงงานอิสระเข้าถึงระบบหลักประกันทางสังคม เพื่อสร้างความเป็นธรรมและเท่าเทียมแก่แรงงานทุกภาคส่วน การจัดการและพัฒนาระบบบริการทางการแพทย์ของสำนักงานประกันสังคม
เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับบริการที่ดี มีคุณภาพตามมาตรฐานการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคให้ผู้ประกันตน พร้อมบริการทางการแพทย์มีระบบการบริหารจัดการที่เป็นเลิศ (Governance Excellence) ซึ่งประกอบไปด้วย
1.ระบบข้อมูลด้านสารสนเทศ
2.ระบบข้อมูลด้านสุขภาพ
3.ระบบข้อมูลความมั่นคง
4.ระบบข้อมูลด้านยาและเวชภัณฑ์
5.การคุ้มครองผู้บริโภค
นายสุชาติ ยังกล่าวถึงสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ว่าตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน สำนักงานประกันประสังคมเพิ่มสิทธิประโยชน์ด้านการตรวจรักษา และจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ในกรณีโควิด-19 มากกว่า 22,000 ล้านบาท แม้ว่าสถานการณ์ความรุนแรงของผู้ติดเชื้อที่เสียชีวิตจะลดน้อยลง และในอนาคตโรคโควิด–19 จะเป็นโรคประจำถิ่น แต่ยาที่ใช้เพื่อการรักษายังคงต้องพัฒนาต่อไป
เช่นเดียวกับมาตรฐาน การรักษายังคงไม่หยุดนิ่ง สถานพยาบาลต้องเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ดังกล่าว และสำนักงานประกันสังคมยังคงต้องปรับปรุงสิทธิประโยชน์เพื่อการรักษาให้เหมาะสมต่อสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลง และประโยชน์ของผู้ประกันตนเป็นสำคัญ
ซึ่งในทุกปี สำนักงานประกันสังคมคัดเลือกสถานพยาบาล เพื่อดูแลรักษาผู้ประกันตนให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในสถานพยาบาลประกันสังคมให้กับผู้ประกันตนในทางหนึ่งได้พัฒนาสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับสถานพยาบาลและผู้ประกันตน เช่น การตรวจประจำปี 14 โรค รวมถึงวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี เร่งรัดขั้นตอนทำเอกสารในการรักษาโรคให้เร็วขึ้น
ด้านนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า ได้ชี้แจงให้สถานพยาบาลเอกชนในโครงการประกันสังคมประจำปี 2565 ทั้ง 89 แห่ง รับทราบแนวทางการให้บริการแก่ผู้ประกันตน และรับทราบนโยบายของกระทรวงแรงงานในการดูแลแรงงานทั่วประเทศ
เพื่อร่วมกันให้บริการแก่ผู้ประกันตนมุ่งไปสู่เป้าหมายเดียวกัน รวมทั้งลงนามสัญญาจ้างให้บริการทางการแพทย์แก่ผู้ประกันตน ประจำปี 2565 ระหว่างสำนักงานประกันสังคมกับสถานพยาบาลเอกชน โดยมีผู้เข้าร่วมการประชุมจำนวน 350 คน
สำหรับในปี 2565 สำนักงานประกันสังคม จะมีสถานพยาบาลที่ดูแลผู้ประกันตน 254 แห่ง แบ่งเป็น
1.ภาครัฐ 165 แห่ง
2.ภาคเอกชน 89 แห่ง
3.สถานพยาบาลเครือข่ายทั้งรัฐและเอกชนประมาณ 2,243 แห่ง
ส่วนค่าบริการทางการแพทย์แบบเหมาจ่าย และค่าบริการทางการแพทย์นอกเหนือเหมาจ่าย เพื่อดูแลด้านการรักษาพยาบาลผู้ประกันตน ในปี 2564 มีมากกว่า 52,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ นอกจากพิธีลงนามสัญญาจ้างฯ ดังกล่าว ยังมีการจัดนิทรรศการโดยมีโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งมาให้บริการตรวจสุขภาพ ฉีดวัคซีนให้ผู้ประกันตนอีกด้วย
