หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางระยะที่ 3 วงเงินรวม 10,065.69 ล้านบาท อ่านเพิ่มเติมที่ https://mekhanews.com/2021/11/30/cabinet-gives-green-light-to-guarantee-income-for-rubber-farmers-phase-3/
ล่าสุด ธ.ก.ส. เริ่มจ่ายเงินตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 3 ให้แก่เจ้าของสวนยางและคนกรีดยางแล้ว เพื่อสร้างความมั่นคงด้านรายได้และบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาราคายางพาราตกต่ำจากภาวะเศรษฐกิจและการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยโอนเงิน 2 งวด (เดือนตุลาคม ถึงพฤศจิกายน 2564) เข้าบัญชีเกษตรกรกว่า 381,000 ราย เป็นเงินกว่า 739 ล้านบาท ดังนี้
1.ยางพาราแผ่นดิบ 60 บาท/กก.
2.น้ำยางสด 57 บาท/กก.
3.ยางก้อนถ้วย 23 บาท/กก.
นายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ประกันรายได้ตามการผลิตแต่ละประเภท กำหนดระยะเวลาประกันรายได้เป็นระยะเวลา 6 เดือน (เดือนตุลาคม 2564 – มีนาคม 2565) สำหรับหลักเกณฑ์การจ่ายเงินประกันรายได้ อ่านเพิ่มเติมที่ https://mekhanews.com/2021/12/09/what-are-the-criteria-for-rubber-farmers-income-insurance-phase-3/
ทั้งนี้ การยางแห่งประเทศไทยจะทำการตรวจสอบและรับรองสิทธิ พร้อมทั้งประมวลผล ส่งมายัง ธ.ก.ส. เพื่อให้โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง ซึ่งเงินค่าประกันรายได้ในแต่ละเดือน = (ราคายางที่ประกันรายได้-ราคาอ้างอิงการขาย) X ปริมาณผลผลิตยางตามเนื้อที่กรีดยาง โดยแบ่งสัดส่วนรายได้ คือ
1.หากเจ้าของสวนกรีดเอง จะได้รับส่วนต่างประกันรายได้ ทั้งจำนวน
2.กรณีจ้างกรีดยาง เจ้าของสวนยางจะได้ร้อยละ 60 และคนกรีดจะได้ร้อยละ 40 ของรายได้ทั้งหมด
มีการประกาศราคากลางอ้างอิงทุกเดือน และจะมีการจ่ายเงินเดือนละครั้ง ตั้งแต่บัดนี้ถึงเดือนกันยายน 2565 ซึ่งเกษตรกรสามารถตรวจสอบการโอนเงินได้ผ่านทางแอปพลิเคชัน ธ.ก.ส. A-Mobile ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ และกรณีที่สมัครใช้บริการ BAAC Connect จะได้รับข้อความแจ้งเตือนผ่าน LINE Official BAAC Family เมื่อเงินเข้าบัญชี