นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 18 มกราคม 2565 เห็นชอบปรับรายละเอียดโครงการจัดส่งนักศึกษาชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลาม จังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัย (ระยะที่ 10) พ.ศ.2562 – 2566 ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยเปลี่ยนชื่อโครงการเป็น “โครงการจัดส่งนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัย”
พร้อมกันนี้ ยังปรับเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมาย ผู้ได้รับทุนอุดหนุนการศึกษา จากนักศึกษาชาวไทยมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นกลุ่มผู้ได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาให้ครอบคลุมกลุ่มผู้ได้ผลกระทบมากขึ้น ทั้งนี้ ผู้รับทุนการศึกษา จะต้องไม่รับทุนการศึกษาอื่นซ้ำซ้อนในปีการศึกษาเดียวกัน
ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ของโครงการยังเดิม คือ
1.จัดสรรทุนการศึกษาระดับปริญญาตรี จำนวน 44 ทุน แบงเป็น
1.1 สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ จำนวน 27 ทุน (ทุนละ 40,000 บาท/ปี)
1.2 สาขาวิชาสังคมศาสตร์ จำนวน 17 ทุน (ทุนละ 30,000 บาท/ปี)
2.จัดสรรทุนให้กับนักศึกษาเป็นรายจังหวัด ได้แก่
– จังหวัดปัตตานี 12 คน
– จังหวัดนราธิวาส 13 คน
– จังหวัดยะลา 8 คน
– จังหวัดสตูล 7 คน
– จังหวัดสงขลา เฉพาะ อำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี และ อำเภอสะบ้าย้อย 4 คน
ซึ่งจะได้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยของรัฐหรือในกำกับของรัฐ 9 แห่ง ได้แก่
– จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
– มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
– มหาวิทยาลัยขอนแก่น
– มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
– มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
– มหาวิทยาลัยมหิดล
– มหาวิทยาลัยศิลปากร
– มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
– มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
และได้ทำบันทึกความเข้าใจกับมหาวิทยาลัยเพิ่มอีก 3 แห่ง เมื่อปี 2564 ได้แก่
– มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
– มหาวิทยาลัยนเรศวร
– มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
ทั้งนี้ ผู้รับทุนเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว จะต้องกลับไปปฏิบัติราชการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี เพื่อกลับมาพัฒนาพื้นที่บ้านเกิดของตนเอง
สำหรับการปรับเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายโครงการในครั้งนี้ จะเป็นการขยายโอกาสทางการศึกษาให้กับผู้ที่ได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากความไม่สงบ ให้สามารถเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของรัฐได้เป็นกรณีพิเศษ รวมทั้งผู้สำเร็จการศึกษาจะได้กลับไปปฏิบัติงานในภูมิลำเนาของตนเอง ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาพื้นที่อันเป็นการแก้ไขปัญหาด้านสังคมจิตวิทยา การศึกษา รวมถึงปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย