กระทรวงสาธารณสุข ฉีดวัคซีนโควิดเด็กอายุ 5-11 ปี (วัคซีนไฟเซอร์ฝาสีส้ม) โดยจะเริ่มฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ และเข็มที่ 2 จะฉีดในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป ส่วนเด็กมีโรคประจำตัว 7 โรค จะนำร่องฉีดในวันที่ 31 ม.ค. 65 ที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติฯ ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ มีค่า นิวส์ จึงสรุปขั้นตอนการวัคซีนชนิดนี้มาฝากผู้ปกครองค่ะ
1.การคัดกรอง
กุมารแพทย์ จะเป็นผู้ประเมิน หากกำลังมีไข้ ร่างกายอ่อนเพลีย หรือ โรคประจำตัวอาการรุนแรงขึ้น อาการไม่คงที่ จะให้ชะลอการฉีดออกไปก่อน
2.การลงทะเบียน
มีการเซ็นใบยินยอมของผู้ปกครอง
3.การฉีดวัคซีน
จัดสถานที่มิดชิด มีม่าน หรือ ฉากกั้น หรือ ฉีดในห้อง เพื่อลดผลกระทบด้านจิตใจ เนื่องจากเด็กเล็กเมื่อเห็นเด็กถูกฉีดแล้วร้อง อาจเกิดอุปทานหมู่ ยอมรับการฉีดยากขึ้น
4.หลังฉีดรอดูอาการ 30 นาที เมื่อกลับบ้านแล้วไม่ควรออกกำลังกายหรือทำกิจกรรม ที่ใช้แรง 1 สัปดาห์
ทั้งนี้ หลังฉีดวัคซีนแล้ว เด็กมีอาการผิดปกติที่ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลใกล้บ้านเพื่อประเมินอาการ คือ
1.กลุ่มโรคหัวใจในช่วง 2-7 วัน ได้แก่ เจ็บหน้าอก หายใจเร็ว เหนื่อยง่าย ใจสั่น
2.กลุ่มอาการอื่น คือ ไข้สูงมากกว่า 39 องศาเซลเซียส ปวดศีรษะรุนแรง อาเจียน กินไม่ได้ ซึมหรือไม่รู้สึกตัว
ซึ่งทั่วประเทศมีกุมารแพทย์กว่า 2 พันคน สามารถประเมินอาการ ให้การรักษาและส่งต่อไปโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป รวมถึงสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี หรือโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย
สำหรับการเริ่มต้นฉีดวัคซีนเด็กอายุ 5-11 ปี ที่มีโรคประจำตัว 7 โรค มีดังนี้
1.โรคอ้วน
2.โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง
3.โรคหัวใจและหลอดเลือด
4.โรคไตวายเรื้อรัง
5.โรคมะเร็งและภูมิคุ้มกันต่ำ
6.โรคเบาหวาน
7.โรคพันธุกรรม ทั้งกลุ่มอาการดาวน์ เด็กที่มีภาวะบกพร่องทางระบบประสาทรุนแรง และเด็กที่มีพัฒนาการช้า
ที่มา : นพ.อดิศัย ภัตตาตั้ง ผอ.สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ให้สัมภาษณ์วันที่ 26 ม.ค. 65