นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยถึงการดำเนินการด้านการบริหารจัดการการทำงานของแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ ตาม MOU หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 คลี่คลาย โดยได้เตรียมแนวทางบริหารจัดการ มีค่า นิวส์ สรุปได้ดังนี้
1. การนำเข้าแรงงานต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างตาม MOU ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยเปิดให้นายจ้างที่มีความพร้อมยื่นคำร้องขอนำคนต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศ (Demand) ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 64 ที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันมีการยื่นคำร้องขอนำคนต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศ (Demand) แล้ว จำนวน 1,813 คำร้อง ต้องการแรงงานต่างด้าว จำนวน 113,717 คน
2. การผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานตาม MOU ซึ่งวาระการจ้างงานครบ 4 ปี ในปี 65 ระหว่างวันที่ 1 ม.ค. 65 – 31 ธ.ค. 65 จำนวน 106,580 คน สามารถอยู่และทำงานต่อไปได้ โดยไม่ต้องเดินทางกลับประเทศต้นทาง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ
3. การนำแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา และเมียนมาเข้ามาทำงานตามมาตรา 64 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) ใน 9 จังหวัด โดยเริ่มนำร่องใน “จังหวัดจันทบุรี” เป็นจังหวัดแรก ตั้งแต่เปิดประเทศวันที่ 1 ธ.ค. 64 และนำแนวทางดังกล่าวมาใช้ในในพื้นที่ 8 จังหวัด แบ่งเป็น
3.1 สัญชาติกัมพูชา ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่
- จังหวัดศรีสะเกษ
- สุรินทร์
- สระแก้ว
- ตราด
3.2 สัญชาติเมียนมา ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่
- จังหวัดเชียงราย
- ตาก
- กาญจนบุรี
- ระนอง
ด้านนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ระบุว่า แนวทางการนำเข้าแรงงานต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างตาม MOU แนวทางการผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานตาม MOU ที่ครบวาระการจ้างงานในปี 65 และแนวทางการนำแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา และเมียนมาเข้ามาทำงานตามมาตรา 64
เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนแรงงานของนายจ้าง/สถานประกอบการ และเพื่อให้คนต่างด้าว 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) สามารถเข้าสู่ระบบการจ้างงานตามกฎหมายประเทศไทย ได้อยู่ในราชอาณาจักรและทำงานอย่างถูกต้อง มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ไม่ต้องหลบซ่อน และได้รับสวัสดิการตามสิทธิที่พึงมี ขจัดต้นตอปัญหาการค้ามนุษย์
ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/51775