นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 1 มีนาคม 2565 เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจความร่วมมือในการพัฒนาไฟฟ้าในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ซึ่งร่างบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างไทยและ สปป. ลาว และให้ความสำคัญกับการซื้อขายพลังงานสะอาดในภูมิภาคซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
รวมถึงเป็นการเสริมสร้างโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งขอบเขตความร่วมมือในครั้งนี้ มุ่งขยายความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้า โดยเพิ่มปริมาณกำลังการผลิตขึ้นอีก 1,500 เมกะวัตต์ จากปริมาณกำลังผลิตเดิม 9,000 เมกะวัตต์ รวมปริมาณกำลังผลิตเป็น 10,500 เมกะวัตต์ เพื่อขายพลังงานไฟฟ้าให้กับไทย โดยมีการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็นผู้รับผิดชอบการซื้อขายไฟฟ้า
สำหรับขอบเขตความร่วมมือในด้านอื่น ๆ มีค่า นิวส์ สรุปมาให้ ดังนี้
1. การจัดตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาร่วมกันในรายละเอียดเชิงเทคนิค
2. พัฒนาไฟฟ้าจากแหล่งเชื้อเพลิงความร้อน พัฒนาระบบโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าและระบบขายปลีกไฟฟ้า ใน สปป.ลาว
3. จัดสรรทรัพยากรน้ำ รวมถึงความร่วมมืออื่น ๆ ในการลดการปล่อยคาร์บอน
4. พิจารณาการก่อสร้างระบบสายส่งไฟฟ้าข้ามพรมแดนของแต่ละประเทศ รวมถึงเชื่อมโยงกับระบบสายส่งเดิมกับประเทศที่สาม
ทั้งนี้ การขยายกรอบดังกล่าวยังอยู่ภายใต้กรอบความมั่นคงทางพลังงาน ที่กำหนดให้การรับซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศประเทศใดประเทศหนึ่งได้ไม่เกินร้อยละ 13 ของกำลังการผลิตทั้งหมดในระบบ
ที่ผ่านมา ครม.ได้มีมติอนุมัติ/เห็นชอบการขยายกรอบปริมาณรับซื้อไฟฟ้าระหว่างไทยกับสปป.ลาว ในลักษณะดังกล่าวมาแล้ว 4 ครั้ง โดยปัจจุบันประเทศไทยรับซื้อไฟฟ้าหรือลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ สปป.ลาว แล้ว จำนวน 5,935 เมกะวัตต์ ส่งผลให้กรอบปริมาณรับซื้อไฟฟ้าภายใต้บันทึกความเข้าใจ ฉบับวันที่ 6 กันยายน 2559 มีปริมาณรับซื้อไฟฟ้าคงเหลือ 3,065 เมกกะวัตต์