บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส (Bangkok Airways) เปิดแผนและทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 2565 คาดการณ์ว่าปี 2565 จะมีจำนวนผู้โดยสาร 2.6 ล้านคน เที่ยวบินกว่า 3.4 หมื่นเที่ยวบิน และรายได้ผู้โดยสารรวม 8,175 ล้านบาท พร้อมกลับมาเปิดเส้นทางบินทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศ
นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มการเดินทางของผู้โดยสารสายการบินบางกอกแอร์เวย์สในช่วงเดือนพฤษภาคม 2564 ที่เริ่มมีการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลต้า ภาพรวมการเดินทางลดลงอย่างเห็นได้ชัด ต่อเนื่องมาจนถึงเดือนสิงหาคม
สายการบินฯ ได้เปิดให้บริการเส้นทาง sealed route เพื่อสนับสนุนนโยบายเปิดประเทศ ได้แก่ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์และสมุยพลัส เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมความมั่นใจในการเดินทางมายังประเทศไทย จนกระทั่งในเดือนพฤศจิกายน 2564 จำนวนผู้โดยสารทยอยเพิ่มขึ้นจากนโยบายการเปิดประเทศ
ทั้งนี้ เส้นทางสมุย ยังคงเป็นเส้นทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยมีสัดส่วนรายได้ผู้โดยสารอยู่ที่ 63% ของรายได้ผู้โดยสารทั้งหมด เส้นทางภายในประเทศอื่น ๆ มีสัดส่วนรายได้ผู้โดยสารอยู่ที่ 35% และกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ กรุงเทพ-พนมเปญ ที่เปิดปฏิบัติการบินเมื่อเดือนธันวาคม มีสัดส่วนรายได้ผู้โดยสาร อยู่ที่ 2% ของรายได้ผู้โดยสารทั้งหมดในปี 2564
ในปี 2565 คาดว่าธุรกิจการบินจะฟื้นตัวประมาณ 40% หลังจากอัตราการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดโควิด-19 ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง โดยเส้นทางบินที่จะเปิดเพิ่มเติมในปี 2565 ได้แก่
1. กรุงเทพฯ-กระบี่ ซึ่งจะเปิดให้บริการในวันที่ 27 มีนาคม 2565
2. ไตรมาสที่ 3 ได้แก่ เส้นทางการบินสมุย–เชียงใหม่ สมุย-ฮ่องกง กรุงเทพฯ-เสียมราฐ
3. ไตรมาสที่ 4 จะเปิดเส้นทางบิน เชียงใหม่-กระบี่ (เที่ยวเดียว) เชียงใหม่-ภูเก็ต (เที่ยวเดียว) สมุย-กระบี่ กรุงเทพฯ–ดานัง กรุงเทพฯ – หลวงพระบาง กรุงเทพฯ ย่างกุ้ง และ กรุงเทพฯ– มัลดีฟส์
อย่างไรก็ตาม การกลับมาเปิดให้บริการเส้นทางบินต่าง ๆ นั้น ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการเดินทางของนักท่องเที่ยว มาตรการการเดินทางของแต่ละประเทศ และการควบคุมสถานการณ์โควิด–19 ที่อาจยังไม่คลี่คลาย
นายพุฒิพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันบริษัทฯ มีเครื่องบินจำนวน 37 ลำ โดยแผนการบริหารฝูงบินโดยภายในสิ้นปี 2565 จะมีเครื่องบินในฝูงบินทั้งสิ้น 30 ลำ โดยจะทยอยคืน Airbus A320 จำนวน 5 ลำ ซึ่งครบกำหนดสัญญาแล้ว รวมถึงจำหน่ายเครื่องบิน ATR72-500 อีกจำนวน 2 ลำ
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ยกระดับมาตรฐานด้านการซ่อมบำรุง โดยได้รับใบรับรองหน่วยซ่อม ซึ่งผ่านการตรวจสอบตามหลักเกณฑ์ วิธีการและมาตรฐานตามข้อกำหนดใหม่ของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย โดยพัฒนาขีดความสามารถในการซ่อมบำรุงอากาศยานแบบ Airbus และ ATR ทั้งระดับ Base Maintenance และ Line Maintenance
สำหรับในปี 2565 บริษัทฯ ได้คาดการณ์ว่าจะมีจำนวนผู้โดยสาร 2.6 ล้านคน ตั้งเป้ารายได้ผู้โดยสาร 8,175 ล้านบาท รวมเที่ยวบินกว่า 3.4 หมื่นเที่ยวบิน มีอัตราการขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่65% และราคาบัตรโดยสารเฉลี่ยต่อเที่ยวคาดว่าจะอยู่ที่ 3,100 บาทต่อเที่ยว
ด้านนายอนวัช ลีละวัฒน์วัฒนา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสสายงานการเงินและบัญชี เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังมีแผนในการบริหารจัดการค่าใช้จ่าย โดยเน้นประเด็นที่สำคัญ ได้แก่
1. ลดเครื่องบินเช่าดำเนินงานเมื่อหมดอายุสัญญาจำนวน 5 ลำ ในปี 2565
2. ปรับเส้นทางบินให้ตรงกับความต้องการในการเดินทาง โดยเน้นเส้นทางบินที่เชื่อมต่อสนามบินสมุย
3. การได้รับการปรับลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับสนามบิน
4. การจัดการด้านบุคลากรให้เหมาะสม
5. การรักษาสภาพคล่องทางการเงิน
6. การรักษาประสิทธิภาพยานพาหนะเพื่อลดค่าใช้จ่าย เช่น การบำรุงรักษา
7. การได้รับมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ อาทิ ในด้านภาษี
ขณะที่นายจุลิน กอเจริญ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายขาย และรักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการตลาด กล่าวว่า นโยบายการขายและการตลาดของสายการบินในปี 2565 จะเน้นการขายในตลาดต่างประเทศควบคู่กับการให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศ การบริหารช่องทางการจัดจำหน่าย และกลยุทธ์ด้านราคา การพัฒนาระบบต่าง ๆ
รวมถึงความสำคัญของระบบการจ่ายเงิน การให้ความสำคัญด้านรายได้เสริม การสื่อสารการตลาดและการมีส่วนรวมของลูกค้า และการเน้นย้ำในจุดแข็งของสายการบินฯ ในด้านความเป็นเลิศในการให้การบริการ โดยช่องทางการจัดจำหน่ายในประเทศยังคงเป็นช่องทางหลักที่ลูกค้าในประเทศใช้ คือ website/mobile และ Customer Care Centre 1771
ส่วนตลาดต่างประเทศจะจัดจำหน่ายผ่าน Billing and Settlement Plan Agents หรือ BSP agents ในตลาดหลัก อาทิ ยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น จีน แอฟริกาใต้ และอีกกว่า 20 ตลาดทั่วโลก รวมถึงการขายผ่านเครือข่ายสายการบินพันธมิตรทั่วโลก
อีกช่องทางหนึ่งที่มุ่งเน้นมากในปีนี้คือช่องทาง API ผ่านโครงข่าย NDC และ metasearch เป็นหลัก เพราะเป็นโครงข่ายที่ช่วยให้บริษัทฯ ขยายช่องทางการเข้าถึงลูกค้าได้ครอบคลุมทุกกลุ่มทุกที่ทุกเวลาทั่วโลก ช่องทาง API เชื่อมต่อการเข้าถึงข้อมูลของเรา ทำให้การจัดจำหน่ายผ่าน OTA เป็นเรื่องง่ายและลดต้นทุนในการจัดจำหน่าย
ขณะนี้ OTA หลักๆเหล่านี้ได้เชื่อมต่อกับระบบสำรองที่นั่งของสายการบินฯ เรียบร้อยแล้ว รวมถึง metasearch engine หลักทั้ง SkyScanner and Google นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงมีความตั้งใจให้ผลิตภัณฑ์และการบริการไปอยู่ในทุกๆ ที่ ที่ลูกค้าสามารถเลือกรับบริการได้ รวมถึงแอพพลิเคชั่น หรือ super APP ต่าง ๆ
ซึ่งตอนนี้กำลังเชื่อมต่อกับ Robinhood รวมถึงการให้บริการจองผ่านแอพพลิเคชันที่ผู้บริโภคใช้ในชีวิตประจำวันให้คลอบคลุมมากยิ่งขึ้นต่อไป ในส่วนของสื่อสารการตลาด บริษัทฯ ได้นำเสนอการสื่อสารในแคมเปญ “คิดถึง…….ให้ถึง” เพื่อกระตุ้นการเดินทางของลูกค้าที่อาจจะไม่ได้มีโอกาสเดินทางในช่วงสถานการณ์ที่ผ่านมาให้กลับมาเดินทาง
นอกจากนี้ บริษัท ยังทำกิจกรรมทางการตลาดที่ทำให้แบรนด์ เป็นที่จดจำอย่างต่อเนื่องผ่านกิจกรรมต่าง ๆ โดยกิจกรรมหลักของปีนี้ คือ จัดการแข่งขันวิ่งฮาลฟ์มาราธอน บางกอกแอร์เวย์สบูทีคซีรี่ย์ 2022 เพื่อสนับสนุนให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนในท้องถิ่น โดยจะจัดในแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ อาทิ เกาะสมุย ลำปาง ตราด พังงา และสุโขทัย