พ่อแม่ ผู้ปกครองหลายคนที่เจอปัญหาลูกดื้อ ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ นอนดึก ตื่นสาย ให้กินข้าว ก็ไม่ยอมกิน ทำให้ต้องเสียอารมณ์ ต่างถามหาว่า จะมีวิธีรับมืออย่างไรได้บ้าง มีค่า นิวส์ มีข้อมูลดี ๆ จากกรมการแพทย์มาฝากค่ะ โดยนายแพทย์ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า การได้เลี้ยงลูกง่าย ก็อาจบอกว่าโชคดีมีบุญที่ทำมา แต่ปางก่อน แต่จริง ๆ แล้ว ถ้าเข้าใจพัฒนาการเด็กก็อาจจะเลี้ยงได้แบบสนุกและทำตามอย่างที่ต้องการได้ไม่ยากเลย
เด็กแต่ละวัยมีความเข้าใจและความต้องการแตกต่างกัน วัยที่มีความสำคัญมากต่ออนาคตของเด็ก และมักประสบปัญหาเรื่องพฤติกรรมบ่อย ๆ คือ ช่วงปฐมวัย หรืออายุก่อน 6 ปี โดยเฉพาะช่วง 2-3 ขวบ เด็กจะมีอารมณ์แปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็วและยึดเอาตัวเองเป็นสำคัญ ถ้าบอกว่าไม่ หรืออย่า จะทำทันที หรือแอบทำให้ได้ แต่ถ้าบอกให้ทำ จะไม่ยอมทำเด็ดขาด ฉะนั้น คำเหล่านี้จะเป็นคำต้องห้าม ที่จะพูดกับเด็กเวลาอยากจะให้เข้าทำอะไร หรือห้ามทำอะไร
ด้านนายแพทย์อภิชัย สิรกุลจิรา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) เปิดเผยว่า เด็ก ๆ จะรู้สึกมีความสุข มีความภูมิใจและอยากทำ ถ้าเขาได้เป็นคนจัดการเอง หรือเป็นคนที่ตัดสินใจทำด้วยตัวเอง นอกจากนี้ เด็ก ๆ จะชอบเลียนแบบสิ่งที่ผู้ใหญ่ทำ เช่น เห็นผู้ใหญ่นั่งทำงานกับคอมพิวเตอร์ เขาก็จะอยากกดคอมพิวเตอร์ด้วย เห็นผู้ใหญ่ถูบ้าน เขาก็อยากถูบ้านด้วย ฉะนั้นวิธีการสอนลูกที่ดีที่สุด ก็คือเป็นตัวอย่างให้ลูกดู ไม่ใช่สอนโดยการบ่น หรือสั่ง เช่น สอนให้ลูกพูดจาไพเราะ แต่พ่อแม่เวลาลืมตัวโมโหเสียงดังแล้วพูดหยาบคาย ลูกก็คงไม่มีวันพูดจาสุภาพอ่อนหวานได้
ขณะที่แพทย์หญิงอินท์สุดา แก้วกาญจน์ รองผู้อำนวยการด้านการแพทย์ โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์(วัดไร่ขิง) กุมารแพทย์ด้านพัฒนาการและพฤติกรรม กล่าวเสริมว่า สิ่งสำคัญอย่าเอาชนะกับลูก แต่ก็ไม่ใช่ยอมลูกไปเสียทุกอย่าง เช่น ต้องพาลูกไปธุระที่ต้องแต่งตัวเรียบร้อย แต่ลูกไม่ยอม จะใส่แต่เสื้อตัวเก่งที่สีสะดุดตาลายการ์ตูนตัวโปรดไม่เหมาะกับกาลเทศะ ควรหาวิธีที่จะทำให้เหมือนลูกเป็นคนเลือกเอง แต่ตัวเลือกที่ผู้ปกครองหยิบมาให้ลูกเลือก เป็นเสื้อที่ดูแล้วเหมาะกับงานทุกตัวเลือก ลูกก็จะรู้สึกว่าลูกเป็นคนจัดการเองไม่ใช่โดนบังคับ
ดังนั้น จึงอยากแนะนำเคล็ดลับสำหรับพ่อแม่ผู้ปกครอง 3 ข้อให้ดูแลเลี้ยงลูกในวัยนี้ ได้ดียิ่งขึ้น
- พ่อแม่และทุกคนในครอบครัวต้องคิดไว้เสมอว่าสิ่งที่เราแสดงออกนั้นเด็กๆจะมองเห็นและเรียนรู้ที่จะทำตามตลอดเวลา อย่าคิดว่าเขาเป็นเด็กเล็กที่ยังไม่รู้เรื่องเด็ดขาด
- ควรมีความสม่ำเสมอในกิจวัตรประจำวัน เช่น กินป็นเวลา นอนเป็นเวลา ระยะเวลาในการทำกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะการดูหน้าจอต่างๆไม่ควรเกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน การจะทำกิจวัตรเหล่านี้ให้ได้เป็นเวลาส่ำเสมอต้องอาศัยความแน่วแน่และความเข้มแข็งทางใจของพ่อแม่ ไม่ใช่เจอลูกอ้อน ร้องไห้หรือลูกดื้อหน่อยก็ยอมลูก แต่ก็ไม่ควรใช้อารมณ์กับลูก
- ปรับพฤติกรรมเด็กด้วยกันเป็นทีมเวิร์คโดยทุกคนในบ้านต้องร่วมมือกันมีความเห็นตกลงไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ใช่พ่อห้ามทำพฤติกรรมแบบนี้แต่ปู่กับย่าบอกไม่เป็นไร เด็กจะสับสนและคิดว่าเราทำอะไรก็ได้มีคนเข้าข้างแน่นอน เขาจะไม่เรียนรู้ว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้
ท้ายนี้ พ่อแม่ไม่ต้องเครียด ทำอารมณ์ให้สดชื่นเสมอ มองโลกในแง่ดีคิดเสียว่าลูกดื้อ หมายความว่าลูกเราเก่งพอที่จะมีความคิดเป็นของตัวเองแล้ว ก้าวไปสู่วัยที่โตขึ้นไปอีกก้าว