Mekha News (มีค่านิวส์) : เว็บไซต์ข่าว ที่จะนำเสนอข่าวสารเพื่อรักษาสิทธิให้กับคุณ

ทำความรู้จักกับโรค PTSD โรคที่ต้องใช้เวลา และกำลังใจในการรักษา

Post-Traumatic Stress Disorder (PTSD) เป็นภาวะความผิดปกติทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังพบเหตุการณ์ความรุนแรง เช่น อยู่ในเหตุวินาศกรรม ภัยพิบัติ การก่อการจลาจล การฆาตกรรม สงคราม การปล้นฆ่า ข่มขืน ซึ่งก่อให้เกิดความเครียด และมีพฤติกรรมบางอย่างที่กระทบต่อการดำเนินชีวิตตามมา ซึ่งผู้ที่ได้รับบาดแผลทางจิตใจจากเหตุเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการรักษา

โดยอาการป่วยทางจิตจากภาวะเครียดที่เจอเหตุการณ์สะเทือนใจนั้นจะแสดงอาการออกมา 2 ระยะ คือ

  1. ระยะแรกเกิดขึ้นภายใน 1 เดือนหลังเหตุการณ์เรียกว่า Acute Stress Disorder (ASD) หรือ โรคเครียดเฉียบพลัน
  2. ระยะที่ 2 คือ หลังเกิดเหตุการณ์มาแล้ว มากกว่า 1 เดือนขึ้นไป หรือ Post-Traumatic Stress Disorder (PTSD)
ptsd

ซึ่งอาการของ PTSD มีลักษณะอาการสำคัญ 4 อย่าง ดังนี้

  1. เหตุการณ์นั้นตามมาหลอกมาหลอน (Re-experiencing) เห็นภาพเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นแล้วผุดขึ้นมาซ้ำๆอยู่บ่อยๆ ทำให้รู้สึกเหมือนกลับไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นซ้ำไปซ้ำมาจนตกใจกลัว (Flash Back)
  2. คอยหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นเตือนให้นึกถึงเหตุการณ์ (Avoidance) กลัวสถานที่หรือสถานการณ์หลังจากประสบเหตุนั้น ๆ หลีกเลี่ยงที่จะคิดและรู้สึกเกี่ยวกับสิ่งที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ ไม่กล้าเผชิญกับสิ่งที่จะส่งผลทำให้กระทบกระเทือนต่อจิตใจ เช่น ภาพข่าวเหตุการณ์ การพูดถึงจากบุคคลอื่น
  3. มีความรู้สึกนึกคิดในทางลบ (Negative alteration of cognition and mood) คือการไม่มีความสุขและไม่สนใจที่จะร่วมกิจกรรมนั้น ๆ การรู้สึกแปลกแยกจากผู้อื่น มีความเชื่อและคาดหวังที่เป็นไปในทางลบอย่างต่อเนื่อง มีการตีความขยายออกไปในทางลบ บางรายมีความคิดบิดเบือนไปจากความเป็นจริง ส่งผลให้มีอารมณ์ฝังใจในทางลบ รู้สึกโกรธ อับอาย หวาดกลัวและรู้สึกผิดอยู่ตลอดเวลา
  4. อาการตื่นตัวมากเกินไป (Hyperarousal symptoms) เป็นอาการคอยจับจ้อง คอยระวังตัว ตื่นตัว และมักมีอาการหงุดหงิด ตกใจง่าย โกรธง่าย รวมถึงสะดุ้งและผวาง่ายขึ้นเวลาอยู่ในที่ที่มีเสียงดัง ส่งผลให้ขาดสมาธิ นอนหลับไม่สนิท หลับยาก หรือชอบสะดุ้งตื่นในขณะที่นอนหลับ

แนวทางการรักษา และการดูแลสภาพจิตใจผู้เป็น PTSD

  1. เน้นการทำจิตบำบัดร่วมกับการรักษาด้วยยาแผนปัจจุบัน เช่น ใช้ยาต้านเศร้ากลุ่ม Selective serotonin reuptake inhibitor(SSRIs) 
  2. การดูแลสุขภาพกายและใจของตนเอง เพื่อเตรียมการดูแลจิตใจของคนรอบข้าง ให้พยายามรับประทานอาหาร นอนหลับพักผ่อน ออกกำลัง และพยายามใช้ชีวิตปกติเท่าที่เป็นไปได้
  3. ให้ความสำคัญกับอารมณ์ของตนเองซึ่งอาจเกิดความรู้สึกมากมายในจิตใจ ต้องให้เวลาในการจัดการและช่วยเหลือตนเอง และคนรอบข้างให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้
  4. หมั่นสังเกตการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์และความรู้สึกตัวเอง การมีความเปลี่ยนแปลงด้านการกิน การนอน รู้สึกหมดกำลัง และอารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย
  5. หลีกเลี่ยงการรับข่าวที่มากเกินไปจากสื่อ ภาพความรุนแรงต่างๆ รวมไปถึงข่าวปลอมและข่าวลือ อาจกระตุ้นให้เกิดภาวะเครียดและปัญหาด้านสุขภาพจิตภายหลังเผชิญภัยพิบัติ
  6. พยายามหาวิธีช่วยให้ติดต่อกับเพื่อนและครอบครัวของผู้ประสบเหตุที่อยู่เพียงลำพังเพื่อช่วยกันสนับสนุนด้านอารมณ์ให้ผ่านช่วงที่ยากลำบากไปได้
  7. เพิ่มการพูดคุยและติดต่อกับผู้อื่นเท่าที่ทำได้ เพื่อระบายความรู้สึก ช่วยเหลือพูดคุยกับคนรอบข้างโดยเน้นที่ความเข้มแข็งของบุคคลที่สามารถจัดการความยากลำบากไปได้

ที่มา: กรมการแพทย์

Exit mobile version