กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เน้นย้ำผู้ประกอบการกัญชาทุกจังหวัด ให้ปฏิบัติตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับใหม่ล่าสุด เรื่อง “สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2565 อย่างเคร่งครัด อย่างเช่น จ.ภูเก็ต และเมืองท่องเที่ยวต่าง ๆ ทั่วประเทศ ถือเป็นภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย
นายแพทย์ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ตามที่กรมการแพทย์ แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ ร่วมมือกับ เจ้าพนักงานตำรวจ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ลงพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดในการบังคับใช้กฎหมายกัญชา พบผู้ประกอบกิจการจำหน่าย หรือแปรรูปสมุนไพรควบคุม (กัญชา) ทั้งหมด 25 รายได้รับอนุญาตถูกต้องครบถ้วน จำนวน 17 ราย และจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งหมด 7 ราย นอกจากนี้ยังพบผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตฯ แต่ทำผิดเงื่อนไขท้ายใบอนุญาตจำนวน 1 ราย โดยจัดให้มีพื้นที่สูบในสถานประกอบการ
ผู้กระทำความผิดทั้ง 7 ราย ได้กระทำผิดกฎหมาย ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับใหม่ล่าสุด เรื่อง “สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. 2565 ทั้งนี้ พนักงานเจ้าหน้าที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ได้แจ้งให้เจ้าพนักงานตำรวจ ยึดอายัดของกลาง สั่งปิด พร้อมส่งเจ้าพนักงานตำรวจดำเนินการจับกุมดำเนินคดี ตามขั้นตอนกฎหมาย โดยเจ้าพนักงานตำรวจ ตั้งวงเงินประกัน รายละ 20,000 บาท เพื่อนำส่งฟ้องศาลแขวงในพื้นที่ โดยศาลสั่งลงโทษปรับรายละ 9,500 บาท โทษจำคุก 3 เดือน สำหรับโทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี และ ริบของกลาง
นอกจากนี้ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับล่าสุด ยังได้เน้นย้ำให้ประชาชนใช้กัญชา ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะช่อดอกต้องไม่นำไปใช้ในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ของการคุ้มครองและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากสมุนไพร ในส่วนที่เป็นข้อห้ามของประกาศดังกล่าว ที่มีความชัดเจน คือ
- ห้ามจำหน่ายให้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี
- สตรีมีครรภ์หรือสตรีให้นมบุตร
- ห้ามจำหน่ายให้กับนักเรียน นิสิต หรือนักศึกษา
- ห้ามให้บริการสูบกัญชาในสถานประกอบการทั่วไป
- ห้ามจำหน่ายเพื่อการค้าผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์
- ห้ามโฆษณากัญชาในทุกช่องทางเพื่อการค้า
- ห้ามสูบกัญชาในสถานที่ต้องห้าม เช่น วัดหรือสถานที่สำหรับปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา หอพักตามกฎหมายว่าด้วยหอพัก สวนสาธารณะ สวนสัตว์ และสวนสนุก เป็นต้น
ซึ่งหากกระทำดังข้อห้ามข้างต้น ถือว่าเป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 46 กรณีจำหน่ายหรือแปรรูปสมุนไพรควบคุม โดยมิได้รับอนุญาต มีบทกำหนดโทษเป็นไปตามมาตรา 78 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 ระบุโทษ จำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
การดำเนินการในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงการบังคับใช้กฎหมายตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. 2565 บังคับใช้จริง ซึ่งจังหวัดภูเก็ต ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ จึงขอให้ผู้ประกอบการแหล่งท่องเที่ยว ทั่วประเทศให้ความสำคัญในการบังคับใช้กฎหมายตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับใหม่ล่าสุด เรื่อง “สมุนไพรควบคุม (กัญชา)พ.ศ. 2565 อย่างเคร่งครัด สำหรับผู้ฝ่าฝืนหรือกระทำความผิด ต้องมีโทษตามกฎหมาย จึงขอย้ำไปยังผู้ประกอบการทุกคน ดำเนินการให้ถูกต้อง
ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อร่วมกันควบคุมกัญชาในสังคมให้มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ได้เน้นย้ำให้ผู้ประกอบการกัญชา ส่งแบบรายงานข้อมูลแหล่งที่มากัญชา การนำไปใช้ และจำนวนที่เก็บไว้จำหน่าย ณ สถานประกอบการ ตามกำหนดทุกสิ้นเดือน ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ สแกนคิวอาร์โค้ด แบบรายงานฯ บันทึกข้อมูล พร้อมนำส่งต่อผู้อนุญาตในท้องที่แต่ละจังหวัด และสำหรับส่วนกลาง เขตพื้นที่ กทม.ส่งผ่านทาง E-mail : indi2565@gmail.com ทางกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกได้เน้นย้ำพนักงานตำรวจเร่งตรวจสอบ ติดตาม รวมถึงสร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับประชาชน และผู้ประกอบการในพื้นที่ เกี่ยวกับบทบาทของกัญชาในทางที่ถูกกฎหมาย อีกด้วย
นายแพทย์ธงชัย กล่าวในตอนท้ายว่า ทั้งนี้ ผู้ประกอบการ รวมถึงประชาชนทั่วไป ที่จะมีการส่งออก จำหน่าย หรือ แปรรูปจากช่อดอกกัญชาในเชิงพาณิชย์และทำการค้า ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบใดก็ตาม ต้องขออนุญาตจำหน่ายหรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า ถ้าอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ต้องยื่นขออนุญาต ที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โดยกองคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยและแพทย์พื้นบ้านไทย หากอาศัยอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด ต้องขออนุญาตจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดที่ท่านอาศัยอยู่ หากมีข้อสงสัยหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ กองคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยและแพทย์พื้นบ้านไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โทร. 0-2149-5607-8 หรือ 0-2591-7007 ต่อ 3708, 3713
ที่มา: สำนักสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข