นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงกรณีแรงงานไทยในอิสราเอล ร้องเรียนมายังเพจต่าง ๆ ว่าถูกนายจ้างนำไปขายต่อให้กับนายจ้างรายอื่น และกล่าวว่าเป็นการซื้อขายแรงงาน โดยกระทรวงแรงงานตรวจสอบข้อเท็จจริงไปยังทูตแรงงานที่กรุงเทลอาวีฟแล้ว พบว่า “ตามกฎหมายของประเทศอิสราเอลถือว่าทำได้ การส่งต่อไปให้กับนายจ้างรายใหม่ ไม่ถือเป็นความผิด และไม่ผิดกฎหมายแรงงาน”
ทั้งนี้ สั่งการให้ทูตแรงงานที่กรุงเทลอาวีฟ ลงพื้นที่ออกไปเยี่ยมแรงงานไทยที่จุดอพยพ ซึ่งมีแรงงานย้ายออกมาจาก โมชาฟ จำนวน 42 คน เพื่อปลอบขวัญให้กำลังใจและรับลงทะเบียนแรงงานที่ประสงค์กลับประเทศไทย จำนวน 25 คน และมีขอย้ายงาน 4 คน ที่เหลือยังอยู่กับนายจ้างเดิม
นอกจากนี้ ยังได้ชี้แจงให้ทราบเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์จากเงินกองทุนช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ รวมถึงเจรจากับนายจ้างเรื่องเงินเดือนค้างจ่าย และเงินปิชูอิมของแรงงาน คาดว่า แรงงานทั้ง 25 คน จะได้เดินทางกลับประเทศไทย วันที่ 18 ตุลาคม 2566 นี้
ส่วนของความคืบหน้าสถานการณ์ของแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบในอิสราเอลนั้น ล่าสุด วันที่ 10 ตุลาคม 2566 มีรายงานแรงงานไทยได้รับบาดเจ็บ รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 13 ราย เป็นชายทั้งหมด มีอาการหนัก 2 ราย ส่วนรายอื่นออกมาพักฟื้นที่แคมป์คนงานนายจ้าง ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิต 20 ราย อยู่ระหว่างการตรวจสอบยืนยัน และมีแรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกัน อีก 14 ราย ในส่วนของผู้ที่แจ้งความประสงค์กลับประเทศไทย เพิ่มเป็น 5,205 คน
อย่างไรก็ตาม แรงงานกลุ่มแรก จำนวน 15 คน ที่จะเดินทางกลับถึงไทย ในวันที่ 12 ตุลาคม 2566 กระทรวงแรงงานจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าดูแล ณ สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่ออำนวยความสะดวก เกี่ยวกับขั้นตอนการลงทะเบียน การได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ ตลอดจน สิทธิประกันสังคมต่าง ๆ โดยจะมีเจ้าหน้าที่แรงงานจังหวัดตามภูมิลำเนาที่แรงงานอาศัยอยู่มารับเดินทางกลับต่อไป