LAdV (โลตัส อาร์ต เดอ วีฟร์) แบรนด์จิวเวลรีและของตกแต่งบ้านระดับโลกจัดแสดง คอลเลกชันมาสเตอร์พีซ เน้นย้ำถึงความเป็นเลิศทางงานฝีมือ งานช่างศิลป์ ผลงานแต่ละชิ้น ล้วนแล้วแต่มีความโดดเด่น รังสรรค์ขึ้นมาสำหรับผู้ที่เฟ้นหาความงดงามอันมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร สะท้อนถึง The Power of One แก่ผู้ครอบครอง
ในปีนี้พิเศษกว่าทุกปี เมื่อ คุณรอล์ฟ วอน บูเรน ผู้ก่อตั้ง LAdV ผู้ได้รับการเชื่อถือในรสนิยมของผู้ชื่นชอบงานศิลป์มาอย่างยาวนาน มีความตั้งใจอยากสนับสนุนศิลปินรุ่นใหม่ให้มีโอกาสได้นำผลงานมาจัดแสดงพร้อมเปิดตลาดให้ผู้หลงใหลในงานอาร์ตได้มีโอกาสเก็บสะสม ประกอบกับการได้เห็นผลงานวาดภาพ มีลายเส้นน่าสนใจของ ทราย-ดมิสา วนาสวัสดิ์ อาร์ทติสไทยรุ่นใหม่ที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 คณะ Painting ที่ RISD (Rhode Island School of Design) สถาบันการศึกษาศิลปะและการออกแบบที่ดีที่สุดในโลก
จึงเกิดโปรเจ็กต์พิเศษ The Power of One LAdV Masterpiece Collection x Damisa Vanaswas นำภาพวาด 30 ภาพมาจัดแสดงที่บูทีค พร้อมรังสรรค์ผลงานคอลเลกชันมาสเตอร์พีช 2023 การเพนต์ภาพลงบนไข่นกกระจอกเทศ จำนวน 2 ใบ เปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่วันที่ 21-26 พฤศจิกายน 2566 ณ โลตัส อาร์ต เดอ วีฟร์ บูทีค โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ
คุณรอล์ฟ วอน บูเรน ผู้ก่อตั้ง LAdV เผยถึงคอลเลกชันมาสเตอร์พีซ 2023 ว่า เป็นการรวบรวมความงดงามอันหลากหลาย โดยชิ้นงานแต่ละชิ้นมีความมหัศจรรย์ที่ต่างกัน สะท้อนถึงการเดินทางของทั้งศิลปินและช่างฝีมือที่กล้าหลุดออกจากกรอบเดิมๆ สรรหาวัสดุแปลกใหม่ รวมทั้งสิ่งของล้ำค่า น่าสนใจ วัสดุต่างๆ นั้นเสาะหามาจากทั่วทุกมุมโลก อาทิ เปลือกหอย อัญมณีมีค่านานาชนิด การรังสรรค์เครื่องประดับด้วย Japanese Lacquer, Chinese Lacquer รวมถึงการนำหยกแกะสลัก สีลาเวนเดอร์ (Lavender jade) และ สีเขียว (Green jade) มาดีไซน์เป็นเข็มกลัด แหวน กำไล ที่งดงามไร้กาลเวลา นอกจากนี้ยังมีกระเป๋า authentic vintage material วัสดุหลักคือผ้าโบราณหายาก ทำให้กระเป๋าแต่ละใบมีลวดลายเป็นเอกลักษณ์
สำหรับ The Power of One LAdV Masterpiece Collection x Damisa Vanaswas มีผลงานมาสเตอร์พีซชิ้นไฮไลต์ดังนี้
Elephant with Ostrich Egg และ Ostrich Egg Silver คือมาสเตอร์พีซที่เกิดจากการร่วมมือระหว่าง LAdV และ ดมิสา รังสรรค์งานศิลปะบนไข่นกกระจอกเทศ 2 ใบ แทนผืนผ้าใบ
Morning in March ภาพนี้ดมิสาได้รับแรงบันดาลใจจากการแสดงของ Sumie Kaneko ร่วมกับ Koto และ Shamisen ที่ European Gallery ในพิพิธภัณฑ์ RISD ดมิสาอยากนำเสนอพื้นที่พิพิธภัณฑ์สไตล์ร้านเสริมสวยแบบเก่า โดยอิงจากแกลเลอรีห้องสีแดง (Denon Wing) ของพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ซึ่งรวบรวมเรื่องราวในอดีต แสงอาทิตย์ที่ทอดผ่านหน้าต่างมอบสีสันและชีวิตใหม่ ผสานเสียงดนตรีของศิลปินหญิงร่วมสมัย และเครื่องดนตรีแบบดั้งเดิมที่มาจากบริบททางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
Cumulonimbus เกิดจากแนวคิดที่ต้องการสื่อถึงความรู้สึกเย็นสบายเพื่อให้ผู้ชมรู้สึกสงบและสบายใจ ในขณะเดียวกันยังได้ชื่นชมภูมิทัศน์ที่น่าหลงใหลและเพลิดเพลินในการสำรวจ การใช้ซิลูเอตของธรรมชาติอย่างเมฆ สายลม และสายน้ำที่คดเคี้ยว ผ่านชั้นเมฆที่สลับซับซ้อน กิ่งก้านต่างๆ และความรู้สึกของน้ำ ในป่าลึก
Winter ด้วยแรงบันดาลใจจากการประดิษฐ์ตัวอักษรจีนแบบนามธรรมและภาพวาดหมึก ดมิสาพาผู้ชมดำดิ่งสู่ความสงบของการนั่งสมาธิ การสร้างความรู้สึกแห่งความมืดและแสงสะท้อนจากประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิต จังหวะการลงฝีแปรงมีพลัง และอารมณ์อันเป็นเอกลักษณ์จากการเคลื่อนไหวและทิศทางที่แตกต่างกัน ภาพชิ้นนี้ผสานอันเดอร์โทนที่ละเอียดอ่อนและนุ่มนวล
Tomorrow ภาพริบบิ้นสีแดงที่ถูกกระแสลมพัดลอยอยู่บนอากาศท่ามกลางเมฆฝนตั้งเค้าพายุใหญ่กำลังมาเยือน สะท้อนความปรารถนาของศิลปินที่ต้องการให้ภาพวาดนี้ปิดบังความรู้สึกของการรอคอยวันพรุ่งนี้ แม้ว่าอาจจะเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แต่ก็สามารถสดใสและสนุกสนาน สายลมอาจเย็นสบาย หรือรุนแรง วันนี้คือปัจจุบัน พรุ่งนี้คือปัจจุบัน และจะมีวันพรุ่งนี้ต่อไปเสมอ
Three Rabbits (Moonlight) ภาพดวงจันทร์ขนาดใหญ่ กับเก้าอี้หนึ่งตัว และกระต่าย 3 ตัวที่ซ้อนอยู่ในภาพ เกิดจากแรงบันดาลใจจากครอบครัว ครอบครัวของฉันคือดาวเคราะห์ของฉัน ดวงดาวของฉัน ท้องฟ้าของฉัน มหาสมุทรของฉัน โลกของฉัน เก้าอี้ตัวเล็กๆ เปรียบเสมือนตัวฉันที่อยากจะครอบครองสิ่งเหล่านี้เอาไว้ ให้อยู่ในแสงที่เย็นสบายและมองเห็นได้ทุกขณะ
Inside a Keyhole ภาพรูกุญแจเมื่อมองเข้าไปจะพบกับใบหน้าของบุคคลที่แตกต่างกัน สื่อถือการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นๆ แม้จะต้องเผชิญกับทางเข้าที่เรียบง่าย แต่จงเตรียมพร้อมสำหรับเส้นทางที่ซับซ้อน แต่ละเส้นทางมีเอกลักษณ์ที่เราต้องเรียนรู้
Irises ภาพที่เต็มไปด้วยดีเทลที่ ศิลปิน ดมิสา นำซิลูเอตของดวงตา มานำเสนอในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ดวงตา ผีเสื้อ ดอกไม้ ทั้งหมดนี้สื่อถึงช่อดอกไม้เชิงนามธรรม ดอกไม้ถูกตรึงไว้ระหว่างผม ใบหน้า ลำคอ เสื้อคลุม ปีกและกลีบดอกไอริสยังคงพันรอบตัวหญิงสาวเหมือนเถาวัลย์