สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมจัดเสวนา ในหัวข้อ “เส้นทางสู่ความปลอดภัย ยกระดับมาตรฐานการขับขี่เพื่ออนาคต” เพื่อบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วน สร้างความรู้ความเข้าใจกฎหมายจราจร รวมถึงสร้างความปลอดภัยบนท้องถนน ณ ห้องประชุมเตมียาเวส โรงเรียนนายร้อยตำรวจ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม
พล.ต.ต.วีรพัฒน์ ศิวะแพทย์ ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวปาฐกถาเปิดงาน เรื่อง “การแก้ไขกฎหมาย และการสร้างเสริมมาตรการบังคับใช้กฎหมายเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ยืนยันว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องบังคับใช้กกฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้อัตราผู้เสียชีวิตน้อยลงให้ได้ เช่น ออกข้อบังคับการใช้ Car Seat การเมาแล้วขับ ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และเพิ่มเติมความผิดและอัตราโทษเพื่อลดอุบัติเหตุทางถนน เป็นต้น
ด้านนายยงยุทธ สวนทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่าปัจจุบัน อัตราการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนในประเทศไทย มักเกิดขึ้นกับรถจักรยายนต์มากกว่ารถยนต์ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับหลายประเทศทั่วโลกที่มีอัตราการขับขี่รถจักรยานยนต์จำนวนมาก เช่น เวียดนาม กลับมีสถิติการเกิดอุบัติเหตุที่น้อยกว่า สันนิษฐานได้ว่า อาจเป็นเพราะโครงสร้างทางถนนของประเทศไทย ไม่เอื้อต่อการขับขี่รถจักรยานยนต์
รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการทบทวนเรื่องกฎหมายแล้ว อีกสิ่งที่ต้องรีบทำ คือ การสร้างจิตสำนึกให้กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะเด็ก เยาวชน ให้มีระเบียบวินัยตั้งแต่ยังอายุน้อย โดยทางจังหวัดนครปฐม พยายามเข้าไปทำกิจกรรม เข้าไปให้ความรู้ในโรงเรียนต่าง ๆ เกี่ยวกับวินัยในการขับขี่มาอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่นางก่องกาญจน์ ทักษ์หิรัญฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนในการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม ในฐานะผู้แทนของ สสส“ กล่าวว่า การเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเกี่ยวข้องกับสาเหตุหลายองค์ประกอบ ทั้งผู้ขับขี่ ตัวรถ สภาพถนน สภาพแวดล้อม สสส.ตระหนักในเรื่องนี้ จึงทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายเพื่อแก้ปัญหา เน้นงานป้องกันการเกิดอุบัติเหตุไม่ให้เกิดขึ้นตั้งแต่แรก
นางก่องกาญจน์ กล่าวอีกว่า สสส. มีการหารือกับกองบัญชาการตำรวจภูธรภาคต่าง ๆ เพื่อช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้แบบ “สมาร์ท” มากขึ้นหนึ่งในนั้น คือ การทำระบบข้อมูลอุบัติเหตุทางถนน ที่เก็บข้อมูลจากที่เกิดเหตุจุดต่าง ๆ แล้วนำผลที่ประมวลได้ไปหารือกับภาคีเครือข่าย ด้วยความหวังว่าการรู้ข้อมูลของอุบัติเหตุ รู้สาเหตุของการเสียชีวิต จะนำไปสู่การแก้ไข และป้องกันที่ต้นเหตุ และหวังว่าข้อมูลเหล่านี้ จะเพียงพอต่อเจ้าหน้าที่ในการนำไปบังคับใช้กฎหมายได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ เพื่อลดปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ต่อไป
“ปัจจุบันประชาชนตระหนักรู้ตัวแล้วว่า การดื่มเหล้าเมาแล้วขับก่อให้เกิดปัญหามากเพียงใด และหลายกรณีก็มีประชาชนเห็นว่าคนเห็นด้วยกับการที่ตำรวจจะเอาจริงเอาจังในการจับคนเมาแล้วขับ เช่น การตั้งด่านตรวจอยู่หน้าสถานบันเทิง สสส. จะขอเป็นแรงเชียร์และสนับสนุนตำรวจในการทำหน้าที่นี้ต่อไป เพื่อช่วยเหลือประชาชนจากอันตรายที่จะเกิดขึ้นค่ะ” ผู้แทน สสส. กล่าวทิ้งท้าย
นอกจากนี้ ภายในงานเสวนาวิชาการ “เส้นทางสู่ความปลอดภัย ยกระดับมาตรฐานการขับขี่เพื่ออนาคต” ยังมีการเปิดเวทีเสวนา เรื่อง “การบังคับใช้กฎหมาย : กรณีเสพกัญชาแล้วมาขับขี่รถ” เชิญวิทยากรมากความสามารถมาให้ความรู้และทัศนะที่มีประโยชน์ต่อส่วนรวม โดยประเด็นกล่าวถึงการเจาะลึกกฎหมายกัญชาและการแพทย์ รวมถึงการเปิดผลวิจัย ทศวรรษที่ 2 ของความปลอดภัย ปรับเป็นพินัย หรือขึ้นศาลจราจร, ประโยชน์ของศาลจราจร และการปรับพินัยสุดเข้ม เปลี่ยนคนไทยให้ใส่ใจกฎหมาย, กฎหมาย Car Seat, การเฝ้าระวังการใช้โทรศัพท์ขณะขับขี่ และยกเว้นการใช้เข็มขัดนิรภัย ยกระดับประเทศไทยสู่ความปลอดภัยระดับสากล เป็นต้น