Site icon Mekha News (มีค่านิวส์) : เว็บไซต์ข่าว ที่จะนำเสนอข่าวสารเพื่อรักษาสิทธิให้กับคุณ

ค่าลดหย่อนภาษี 2567 มีอะไรบ้าง

กรมสรรพากร เปิดให้ยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณียื่นเอกสาร หรือกระดาษ สามารถยื่นได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา หรือ ยื่นผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร >> https://efiling.rd.go.th/rd-cms/ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 มีนาคม 2567 โดยมีรายการลดหย่อนภาษี 2567 ค่าลดหย่อนภาษี 2567 (เป็นรายการของปี 2566) หลายกลุ่ม มีค่า นิวส์ สรุปให้ว่ามีอะไรบ้าง

อ่านเพิ่มเติม >> How To ยื่นภาษีออนไลน์ 2567

อ่านเพิ่มเติม >> How To ยื่นภาษี คริปโทเคอร์เรนซี โทเคนดิจิทัล

อ่านเพิ่มเติม >> คำนวณภาษี 2566 ยังไง ?

อ่านเพิ่มเติม >> ไม่จ่ายเงินภาษี ไม่ยื่นภาษี เสียค่าปรับ เท่าไหร่ ?

1ค่าลดหย่อนส่วนตัว ใช้ค่าลดหย่อนส่วนตัวได้ 60,000 บาท โดยผู้เสียภาษีจะสามารถใช้สิทธิลดหย่อนนี้ได้ทันทีที่ทำการยื่นแบบแสดงภาษีเงินได้ประจำปี (ภ.ง.ด. 90, ภ.ง.ด. 91)

2.ค่าลดหย่อนคู่สมรส ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ 60,000 บาท โดยมีเงื่อนไข คือ

3.ค่าลดหย่อนบุตร ใช้สิทธิค่าลดหย่อนบุตร 2 ข้อ ดังนี้

3.1 ค่าลดหย่อนบุตรชอบด้วยกฎหมาย

3.2 ค่าลดหย่อนบุตรบุญธรรม

3.3 เงื่อนไขการใช้สิทธิ “ลดหย่อนบุตร”

4.ค่าลดหย่อนบิดามารดา

4.1 ค่าลดหย่อนบิดามารดาของตัวเอง ใช้สิทธิลดหย่อนพ่อแม่ได้คนละ 30,000 บาท โดยมีเงื่อนไข คือ

หมายเหตุ : การใช้สิทธิลดหย่อนภาษีบิดามารดา สำหรับคนมีพี่น้องหลายคน ต้องไปตกลงกันว่า ใครจะเป็นผู้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีพ่อแม่ เนื่องจากกฎหมาย ไม่ให้ยื่นขอใช้สิทธิซ้ำกัน

4.2 ค่าลดหย่อนบิดามารดาคู่สมรส ในกรณีที่ดูแลพ่อแม่คู่สมรส ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีพ่อแม่คู่สมรสได้คนละ 30,000 บาท โดยมีเงื่อนไขว่า

5.ค่าลดหย่อนผู้พิการ หรือ ทุพพลภาพ ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้คนละ 60,000 บาท โดยมีเอกสารที่ต้องใช้เป็นหลักฐาน คือ

6.ค่าฝากครรภ์และคลอดบุตร ใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 60,000 บาท และจะต้องเป็นค่าฝากครรภ์และคลอดบุตรที่จ่ายตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป โดยมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้

7.ประกันชีวิตลดหย่อนภาษี ในกรณีที่จ่ายเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป หรือ เงินฝากแบบมีประกันชีวิตในช่วงปีที่ผ่านมา สามารถนำค่าเบี้ยประกันชีวิตที่จ่ายตลอดทั้งปีมาลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท โดยจะต้องเป็นกรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองระยะเวลา 10 ปีขึ้นไป ที่ทำกับบริษัทประกันในประเทศไทยเท่านั้น

8.ประกันสุขภาพลดหย่อนภาษี  ค่าเบี้ยประกันสุขภาพที่สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้มี 2 กรณี คือ

8.1 สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากค่าเบี้ยประกันสุขภาพที่จ่ายมาตลอดทั้งปี ได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 25,000 บาท และเมื่อรวมกับค่าเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป

8.2 เงินฝากแบบมีประกันชีวิต จะต้องไม่เกิน 100,000 บาท และจะต้องเป็นประกันสุขภาพในกลุ่มต่อไปนี้

9.ค่าเบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท และพ่อแม่จะต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี และสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องให้พ่อแม่มีอายุครบ 60 ปี

10.ประกันชีวิตแบบบำนาญ ลดหย่อนภาษี ใช้ลดหย่อนภาษีได้ 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และสามารถใช้ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 200,000 บาท และจะต้องเป็นประกันบำนาญที่มีระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป และต้องทำกับบริษัทประกันในประเทศไทยเท่านั้น

11.ค่าลดหย่อนประกันสังคม อัตราเงินสมทบประกันสังคม ผู้ประกันตนมาตรา 33 สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 9,000 บาทต่อปี (ตามอัตราสมทบเงินประกันสังคมที่ 5% คำนวณจากเพดานที่ 15,000 บาท หรือสูงสุดไม่เกินเดือนละ 750 บาท)

12.กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (กองทุน Thai ESG) ลดหย่อนภาษีได้ 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท (ค่าลดหย่อนภาษี กองทุน Thai ESG สูงสุด 100,000 บาท ได้รับเพิ่มนอกเหนือจากวงเงินลดหย่อนภาษีการออมเพื่อเกษียณ 500,000 บาท)

13.กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ใช้ลดหย่อนภาษีได้ 30% ของเงินได้ที่ต้องจ่ายภาษี ตามที่จ่ายจริงแต่เมื่อรวมกับกองทุนการออมเพื่อเกษียณอื่นๆ ต้องไม่เกิน 500,000 และมีเงื่อนไขอื่น ๆ เพิ่มเติมดังนี้

14.กองทุนรวมเพื่อการออม SSF ใช้ลดหย่อนภาษีได้ 30% ของเงินได้ที่ต้องจ่ายภาษี ตามที่จ่ายจริงแต่ต้องไม่เกิน 200,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนการออมเพื่อเกษียณอื่นๆ ต้องไม่เกิน 500,000 และมีเงื่อนไขอื่นๆ เพิ่มเติมดังนี้

15.กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) /กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน ใช้ลดหย่อนภาษีได้ 15% ของเงินได้ที่ต้องจ่ายภาษีตามที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

16.กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ใช้ลดหย่อนภาษีได้ 30% ของเงินได้ที่ต้องจ่ายภาษีตามที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

17.กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกินปีละ 30,000 บาท

หมายเหตุ : เมื่อรวมกับ”กองทุนเพื่อการเกษียณ” ได้แก่ข้อ 2 ถึงข้อ 6 บวกเบี้ยประกันแบบบำนาญ (กองทุนออมเพื่อการเลี้ยงชีพ RMF, กองทุนรวมเพื่อการออม SSF, กบข, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) , กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน, กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) และ เบี้ยประกันแบบบำนาญ รวมกันลดหย่อนภาษีไม่เกิน 500,000 บาท)

18.ดอกเบี้ยที่อยู่อาศัย ลดหย่อนภาษี สามารถนำรายจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้บ้านในรอบปี 2566 มาใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท ในกรณีที่ซื้อแบบกู้ร่วม สิทธิลดหย่อนภาษีจะเฉลี่ยตามจำนวนคนร่วมกู้ โดยมีเงื่อนไขเพิ่มเติมคือ

19.ช้อปดีมีคืน 2566 ลดหย่อนภาษี สามารถนำค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการซื้อสินค้า หรือบริการภายในประเทศ ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2566 มาใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี 2566 ได้ตามที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 40,000 บาท โดยแบ่งการใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีเป็น 2 ส่วนคือ

19.1 ค่าสินค้าหรือบริการ 30,000 บาทแรก สามารถใช้ใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบแบบกระดาษ หรือ ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ เป็นหลักฐานในการลดหย่อนภาษี

19.2 ค่าสินค้าหรือบริการ 10,000 บาทที่เหลือ ต้องใช้ใบเสร็จรับเงิน หรือใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ เป็นหลักฐานในการลดหย่อนภาษีเท่านั้น (สามารถตรวจสอบ รายชื่อผู้ประกอบการหรือร้านค้าที่สามารถออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ได้ที่เว็บไซต์กรมสรรพากร https://etax.rd.go.th) และมีเงื่อนไขที่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ คือ

20.เงินลงทุนธุรกิจ Social Enterprise (วิสาหกิจเพื่อสังคม) สำหรับผู้ที่ลงทุนในหุ้นหรือธุรกิจ Social Enterprise ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป สามารถนำเงินลงทุนไปเป็นค่าลดหย่อนภาษี โดยลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท

21.บริจาคลดหย่อนภาษี 2 เท่า กรณีบริจาคเพื่อการศึกษา การกีฬา พัฒนาสังคม และโรงพยาบาลรัฐ สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของเงินที่บริจาคจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าลดหย่อน 

22.บริจาคลดหย่อนภาษีทั่วไป ใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหัก

23.บริจาคพรรคการเมือง ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท

Exit mobile version