สิวผู้สูงอายุ สามารถพบได้บ่อยในเพศชายมากกว่าเพศหญิง และพบบ่อยในคนผิวขาวมากกว่าคนผิวดำ โดยพบประมาณ 6% ของประชากรที่มีอายุมากกว่า 50 ปี แต่ก็มีรายงานว่าสามารถพบในช่วงอายุอื่นได้เช่นกัน ในปัจจุบันยังไม่ทราบกลไกการเกิดโรคที่ชัดเจน
ปัจจัยสนับสนุนที่ก่อให้เกิดสิวในผู้สูงอายุ ได้แก่
- การโดนแสงแดดสะสมเป็นระยะเวลานาน
- การสูบบุหรี่จัด
โดยเนื้อเยื่อบริเวณผิวหนังรอบ ๆ จะถูกทำลายหรือทำให้เสื่อมจากแสงแดดหรือบุหรี่ ส่งผลให้รูขุมขนขยายออกกว้าง ต่อมไขมันเกิดการฝ่อตัว ร่วมกับมีการอุดตันของแบคทีเรีย เช่น Propionibacterium acnes, Corynebacterium acnes, Staphylococcus albus และยีสต์กลุ่ม Malassezia เป็นต้น รวมถึงเส้นขนเล็กๆในต่อมไขมัน และในรูขุมขน จึงทำให้มีลักษณะคล้ายสิวอุดตัน
การรักษาสิวผู้สูงอายุ สามารถทำได้โดยวิธีการทางศัลยกรรมและการใช้ยา ได้แก่
- ไม่ควรบีบแกะสิว หรือเจาะสิวด้วยตนเอง
- ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด และใช้สบู่อ่อน ๆ หรือคลีนเซอร์ วันละ 2 ครั้ง
- อาการของโรคจะดีขึ้นหากได้รับการรักษาที่ถูกต้องและหลีกเลี่ยงปัจจัยการกระตุ้น
- การใช้ยาทา โดยทากรดวิตามินเอเพื่อละลายหัวสิว ซึ่งช่วยในเรื่องการผลัดเซลล์ผิวหนังที่ถูกทำลายจากแสงแดด และการใช้ครีมบำรุงให้ความชุ่มชื้นป้องกันผิวแห้งจากกรดวิตามินเอ
- การรับประทานยา ในกลุ่มวิตามินเอ (Isotretinoin) ร่วมกับการทากรดวิตามินเอ พบว่าได้ผลดีแต่ควรพบแพทย์เพื่อตรวจการทำงานของตับ และไขมันก่อนเริ่มรับประทานยา และระหว่างการรับประทานยา เนื่องจากอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง คือ การทำงานของตับผิดปกติ และระดับไขมันในเลือดสูง
- วิธีการทางศัลยกรรม ได้แก่ การกดสิว, การขูดออก, การตัดออกด้วยวิธีผ่าตัด, การทำเลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เพื่อเปิดชั้นผิวหนังด้านบน และตามด้วยการกดหัวสิวออก ซึ่งการรักษาจะได้ผลดีมากในคนผิวขาว
ที่มา: สำนักสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข