จากข่าว บริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) ออกแถลงการณ์ฉบับ 1 ระบุเหตุเพลิงไหม้แพลนท์ผลิตพีวีซี ภายในโรงงานไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ ซึ่งตั้งอยู่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ว่า
“หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ทำการตัดแยกระบบเพื่อควบคุมการรั่วไหลของสารเคมีในทันที และขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดเก็บสารเคมี โดยการรั่วไหลของสารดังกล่าวได้ทำให้เกิดเพลิงไหม้และกลุ่มควัน ซึ่งขณะนี้สามารถควบคุมสถานการณ์ให้เบาบางลงแล้ว และในเบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิต ซึ่งบริษัทจะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบต่อไปอย่างไรก็ตาม บริษัทขอให้ชุมชนที่อยู่ในทิศทางลม หลีกเลี่ยงการออกนอกบ้าน หรือสวมใส่หน้ากากอนามัยหากจำเป็น บริษัทขออภัยในความไม่สะดวกต่างๆ และจะพยายามอย่างเต็มที่ในการควบคุมสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของชุมชน และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ ทั้งนี้ บริษัทได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุมชนสัมพันธ์ลงพื้นที่เพื่อดูแล ชี้แจง และรับฟังความคิดเห็นของชุมชนรอบโรงงาน รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อบริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หมายเลขโทรศัพท์ 08-9204-7395 หรือศูนย์ฉุกเฉิน 0-3868-3138”
มีค่า นิวส์ จึงจะพามารู้จักบริษัทนี้กันค่ะ
บริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2509 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 10 ล้านบาท บริษัทฯ ได้นำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 27 เมษาขน 2527 ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 875 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 875,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ดำเนินธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายเม็ด
พลาสติกประเภทโพลีไวนิลคลอไรด์ (พีวีซี) และผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้อื่นๆ
บริษัทฯ มีโรงงานผลิต 2 แห่ง แห่งแรกตั้งอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ เปิดดำเนินการเมื่อวันที่ I พฤษภาคม 2514 แห่งที่สองตั้งอยู่ที่จังหวัดระของภายใต้โครงการปิโตรเคมีแห่งชาติระยะที่ 1 เปิดดำเนินการเมื่อวันที่ I กุมภาพันธ์ 2533 มีกำลังการผลิตพีวีชีเรซิน (พีวีซีผง) 460,000 ตันต่อปี และพีวีซีคอมเปาน์ด (พีวีซีเม็ด) 50,000 ตันต่อปี จัดเป็นผู้ผลิตพีวีชีรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
บริษัทฯ ยังมีการลงทุนในอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่เกี่ยวข้องกับพีวีซี เช่น กิจการผลิตพีวีซีอิมัลชั่น กิจการผลิตท่อและข้อต่อพีวีซี ตลอดจนวัสดุก่อสร้างที่ทำจากพีวีซี อาทิ ประตู หน้าาง กิจการพีวีซี คอมเปาน์ด ซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่พีวีซีแล้ว ยังเป็นช่องทางในการพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาด เพื่อเพิ่มปริมาณความต้องการใช้พีวีซีภายในประเทศ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีการลงทุนในต่างประเทศ โดยปัจจุบันถือหุ้นในกิจการผลิตพีวีซีในประเทศเวียดนาม และอินโดนีเชีย ตลอดจนถือหุ้นในบริษัทตัวแทนขายในประเทศจีน
อ่านเพิ่มเติม >> http://cmuir.cmu.ac.th/bitstream/6653943832/10683/7/econ0548pc_ch4.pdf
ขอบคุณภาพ ประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง