มติของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ที่ให้ตรึงค่าไฟฟ้าผันแปร (เอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2564 จะส่งผลให้ผู้ใช้ไฟฟ้ายังคงจ่ายค่าไฟฟ้าเท่าเดิมในอัตรา 3.61 บาทต่อหน่วยต่อไปอีก 4 เดือน ซึ่งหมายความว่าค่าไฟฟ้าที่จะต้องจ่ายในเดือน พฤษภาคม – สิงหาคม ที่จะถึงนี้ จะไม่สูงไปกว่าเดิมที่เคยจ่ายในช่วงที่ผ่านมา (เว้นแต่ใช้ไฟฟ้าปริมาณมากกว่าเดิมในช่วงดังกล่าว) nnโดย กกพ.มีมติให้เรียกเก็บค่าไฟฟ้าที่ -15.32 สตางค์ต่อหน่วย ขณะที่ค่าไฟฐานอยู่ที่ 3.76 บาทต่อหน่วย ซึ่งค่าไฟฟ้าดังกล่าวมีที่มาจากการปรับสมมติฐานเดิม ที่ใช้ระดับราคาน้ำมันดิบดูไบที่ 54.8 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลและอัตราแลกเปลี่ยน -30 บาทต่อเหรียญสหรัฐ มาเป็นราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ระดับ 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยน 31 บาทต่อเหรียญสหรัฐเพื่อให้สะท้อนข้อเท็จจริง nnทั้งนี้เหตุผลที่ทำให้เกิดมติดังกล่าวก็คือ หากยังยึดสมมติฐานเดิม ค่าเอฟทีงวดเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2564 จะมีทิศทางลดลง เช่นเดียวกับค่าเอฟทีงวดเดือนกันยายน – ธันวาคม 2654 ราคาจะสวิงเกินไป อีกทั้งถ้าการแพร่ระบาดของ COVID-19 บรรเทาลงในช่วงครึ่งปีหลัง ความต้องการใช้เชื้อเพลิงในตลาดโลกน่าจะเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง จึงต้องนำข้อมูลดังกล่าวมาเฉลี่ยต้นทุนทั้งปี ขณะเดียวกัน กกพ.ยังมีเงินสะสมที่เหลือจากการบริหารค่าไฟในช่วงที่ผ่านมา วงเงิน 4,129 ล้านบาท ซึ่งสามารถนำมาใช้ตรึงค่าเอฟทีได้ถึง 2 งวดโดยที่ยังมีวงเงินเหลือ จึงเป็นที่มาของการตัดสินใจปรับค่าเอฟทีในครั้งนี้nnทั้งนี้คนที่จะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ก็คือประชาชน จากการที่ค่าไฟฟ้าจะยังไม่เพิ่มขึ้นในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน หลังจากที่ผ่านมาหลายบ้านได้รับประโยชน์จากมาตรการช่วยเหลือด้านค่าไฟฟ้าของภาครัฐ ในระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม 2564 ที่ออกมาก่อนหน้านี้nnโดยบ้านไหนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกินเกณฑ์ 90 หน่วย ก็จะได้ใช้ไฟฟ้าฟรีต่อไป เช่นเดียวกับบ้านพักอาศัยที่ได้ส่วนลดค่าไฟ ก็ยังจะจ่ายค่าไฟในอัตราที่ใกล้เคียงกับที่เคยจ่ายต่อไปจนถึงเดือนสิงหาคม อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่ค่าเอฟทีจะตรึงราคายาวไปจนถึงสิ้นปีอีกด้วย
Related Posts
Add A Comment