ปัจจุบันภาวะไขมันพอกตับพบเยอะขึ้นในคนไทย และกลายเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ที่ก่อให้เกิดโรคตับแข็งและมะเร็งตับ อันเนื่องมาจากไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นชนิดอาหาร เครื่องดื่ม ของหวาน การไม่ออกกำลังกาย ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดภาวะไขมันพอกตับ เนื่องจากเป็นภาวะที่ไม่แสดงอาการ ทำให้คนไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ตัวก็เกิดโรคตับร้ายแรงเข้าแล้ว
พญ.เพ็ญประไพ หงษ์ศรีสุวรรณ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทางเดินอาหารและตับ ได้เผยถึงภาวะความเสี่ยงของโรคตับและอาการต่างๆ รวมทั้งวิธีการตรวจด้วยเทคโนโลยีที่ลดความบอบช้ำของร่างกาย แม่นยำ และสะดวก เพื่อรู้ทันสุขภาพตับของคน โดยเฉพาะคนที่มีประวัติเสี่ยง เช่น ดื่มแอลกอฮอล์ ใช้ยาที่อาจส่งผลต่อตับ และมีคนในครอบครัวที่เป็นตับอักเสบ มะเร็งตับ โดยเฉพาะไวรัสตับอักเสบซึ่งอาจจะไม่แสดงอาการ และคนที่มีไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ที่มีความเสี่ยงสูง เป็นกลุ่มที่ควรได้รับการตรวจสุขภาพตับ
“โรคตับมีหลายโรค โรคที่เกี่ยวข้องกับอายุรกรรม สำหรับโรคที่พบบ่อยๆ ในเมืองไทย คือ โรคตับอักเสบจากไวรัสตับ มีทั้งไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสตับอักเสบซี ทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง แล้วก็มีตับอักเสบจากยา ตับอักเสบจากแอลกอฮอล์ และภาวะแทรกซ้อนของตับอักเสบ คือภาวะตับแข็ง เหล่านี้เป็นโรคที่พบความผิดปกติในเนื้อตับ
“นอกจากนั้นก็มีโรคที่เกี่ยวกับท่อน้ำดี ได้แก่ นิ่วในท่อน้ำดี และมะเร็งท่อน้ำดี ซึ่งโรคเหล่านี้มักจะไม่มีอาการ แต่หากมีอาการเนื่องจากตับอักเสบ จะพบอาการปวดท้อง เจ็บชายโครงด้านขวา อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปัสสาวะสีเข้ม ตาเหลือง และหากมีภาวะตับแข็ง จะเริ่มมีตาเหลืองชัดเจน ท้องโต และขาบวม” พญ.เพ็ญประไพกล่าว
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำให้ตรวจสุขภาพตับสม่ำเสมอทุกคน โดยเฉพาะคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการเป็นโรคตับควรได้รับการตรวจเพิ่มเติม อาทิ โรคไวรัสตับอักเสบ โดยคนที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ ควรได้รับการตรวจการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและตรวจภูมิต้านทานไวรัสตับอักเสบบี รวมถึงเด็กเล็กซึ่งมีแม่ที่ตรวจพบไวรัสตับอักเสบด้วย
พญ.เพ็ญประไพให้คำแนะนำว่า “เบื้องต้นแนะนำการตรวจแบบคัดกรองโรคทั่วๆ ไปของสุขภาพโดยรวม เพื่อดูว่าการทำงานของตับปกติดีไหม ซึ่งการตรวจนี้รวมอยู่ในแพคเกจตรวจสุขภาพทั่วไปอยู่แล้ว ส่วนของการตรวจเฉพาะทางอย่างละเอียด อันนี้แนะนำสำหรับคนที่มีประวัติเสี่ยงต่อการเป็นโรคตับ โดยเฉพาะกรณีไวรัสตับอักเสบ ถ้ามีคนในครอบครัวเคยเป็น ควรจะตรวจเลย เพราะมีความเสี่ยงเนื่องจากเป็นโรคที่ไม่แสดงอาการ หากรอให้เกิดอาการจะรักษาไม่ได้หรือรักษายาก
ส่วนการตรวจอัลตราซาวด์ เป็นการตรวจเพิ่มเติมแบบละเอียดสำหรับคนที่แพทย์แนะนำ หรือสำหรับคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น คนที่ครอบครัวมีประวัติเคยเป็นโรคตับอักเสบ คนที่เป็นโรคเบาหวาน น้ำหนักเกิน ดื่มแอลกอฮอล์ เคยตรวจพบภาวะไขมันพอกตับ หรือมีโรคประจำตัวหลายโรคที่จะเกี่ยวข้องกับโรคตับได้”
ปัจจุบันการตรวจสุขภาพตับ มีเทคโนโลยีที่ช่วยในการตรวจเพื่อการวินิจฉัยโรคที่แม่นยำ และลดความเจ็บปวดของร่างกายจากความบอบช้ำของอวัยวะ อย่าง การตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้องส่วนบน และ การตรวจไฟโบรสแกน โดยทางศูนย์ทางเดินอาหารและตับ เป็นศูนย์การแพทย์เฉพาะทางของ รพ. นครธน มีบริการครบครัน ทั้งการตรวจเลือด อัลตราซาวด์ และตรวจไฟโบรสแกน (Fibroscan)
โดย พญ.เพ็ญประไพ อธิบายรายละเอียดของเทคโนโลยีการตรวจไฟโบรสแกนว่าไม่มีความเจ็บปวด ใช้เวลาตรวจรวดเร็ว สามารถรู้ผลทันที และมีความแม่นยำสูง
“จากเมื่อก่อนเราต้องเจาะเอาเนื้อตับมาตรวจ แต่ปัจจุบันมีเครื่องมือที่เรียกว่า ไฟโบรสแกน เป็นการตรวจโดยใช้คลื่นอัลตราซาวด์ ที่มีหัวพิเศษเพื่อดูปริมาณไขมันและพังผืดในเนื้อตับโดยเฉพาะ สามารถตรวจได้โดยไม่ต้องเจาะช่องท้อง เพียงแค่นำหัวอัลตราซาวด์แตะตรงบริเวณหน้าท้อง ชายโครงด้านขวา และรู้สึกมีคลื่นผ่านผิวหนังลงไปเท่านั้น ไม่มีความเจ็บปวด ใช้เวลาตรวจเพียง 10 – 15 นาที ก็สามารถทราบผลหลังการตรวจไดทันทีว่าระดับไขมันพอกตับหรือพังผืดเกาะตับมากน้อยขนาดไหน และสามารถนำผลการตรวจมาวินิจฉัย บวกกับประเมินความเสี่ยงของคนไข้ ว่ามีภาวะไขมันพอกตับหรือภาวะพังผืดที่เข้าใกล้การเป็นตับแข็งหรือยัง”
ความสำคัญของการตรวจภาวะไขมันพอกตับมีมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากภาวะไขมันพอกตับได้กลายเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของการเป็นโรคตับแข็งและมะเร็งตับแบบแซงหน้าแอลกอฮอล์ไปแล้ว เป็นรองแค่สาเหตุจากไวรัสตับอักเสบเท่านั้น
“ไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น อาหาร การไม่ออกกำลังกาย ล้วนเป็นความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดภาวะไขมันพอกตับและสาเหตุในการเกิดโรคตับ ที่ถ้าหากแสดงอาการก็หมายถึงเป็นโรคมะเร็งตับและตับแข็งไปแล้ว โดยปัจจุบันพบคนที่มีภาวะไขมันพอกตับเยอะขึ้นเรื่อยๆ และความที่มันไม่แสดงอาการ จึงทำให้คนไม่รู้ตัว” พญ.เพ็ญประไพกล่าว
ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลนครธน เป็นศูนย์การแพทย์เฉพาะทางที่ให้บริการการรักษาโรคตับ รวมถึงโรคร้ายแรงของมะเร็งตับ ให้บริการครบทุกขั้นตอนการรักษา ตั้งแต่วินิจฉัยจนถึงการรักษาแบบใช้เคมีบำบัด หรือรังสีรักษาและใช้ยาเฉพาะโรค
ผู้มีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินอาหารและตับ วางใจกับศูนย์การแพทย์เฉพาะทางนครธน ณ ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลนครธน ชั้น 10 เปิดบริการทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์ เวลา 07:00 – 22:00 น. ด้วยบริการที่มุ่งมั่น ใส่ใจด้วยหัวใจความมนุษย์ การติดต่อสะดวกผ่านการสื่อสารทุกแพลตฟอร์ม นัดหมายและติดต่อสอบถามรายละเอียดได้โดยตรงที่ โทร. 0-2450-9999 ต่อ 1390-1392 หรือบริการนัดหมายผ่าน LINE Official @Nakornthon Hospital และ และ Website www.nakornthon.com