ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมสนับสนุนการเปิดประเทศอย่างปลอดภัยตามนโยบายรัฐบาล นำร่องที่ จังหวัดภูเก็ต จัดสรรวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ลงพื้นที่ให้ครอบคลุมร้อยละ 70 ประชากรเป้าหมาย เพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ฟื้นฟูการท่องเที่ยว สร้างเศรษฐกิจประเทศ
วันนี้ (7 เมษายน 2564) ที่จังหวัดภูเก็ต นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข หารือกับนายแพทย์พิทักษ์พล บุณยมาลิก ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขตสุขภาพที่ 11 นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลในสังกัด หัวหน้าส่วนราชการและภาคเอกชน ร่วมวางแผนบริหารจัดการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 พร้อมตรวจเยี่ยมระบบการบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่โรงพยาบาลสนาม ศูนย์กีฬาตะพานหิน โรงยิม 4,000 ที่นั่ง
นายแพทย์เกียรติภูมิให้สัมภาษณ์ว่า จากการหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อวางแผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่จะเปิดเมืองภูเก็ตอย่างปลอดภัยในวันที่1 กรกฎาคม 2564 ได้กำหนดแผนฉีดวัคซีนในช่วงแรกจัดสรรตามวัคซีนที่มีอยู่จำกัดให้ครอบคลุมประชากรไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 หรือประมาณ 360,000 คน ภายในวันที่ 15 มิถุนายน 2564 และจะจัดสรรวัคซีนเพิ่ม เพื่อให้ครอบคลุมประชากรร้อยละ 70 ของจำนวนประชากร หรือประมาณ 420,000 คน ภายในปี 2564 เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในพื้นที่ ฟื้นฟูการท่องเที่ยว สร้างรายได้ และเศรษฐกิจประเทศ
สำหรับในเดือนเมษายนนี้ ได้จัดสรรวัคซีนซิโนแวคจำนวน 1 แสนโดส เพื่อฉีดเพิ่มให้กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย และเพิ่มกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ เจ้าหน้าที่ด่านหน้าที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย เช่น ท่าอากาศยาน ท่าเรือ ท่ารถ คลินิกเอกชน ร้านยา หน่วยงานภาครัฐ, กลุ่ม อสม. อสต. อาสาสมัครกู้ชีพกู้ภัย, ผู้ที่มีโรคประจำตัว ประชาชนทั่วไป พนักงานส่วนหน้าด้านการท่องเที่ยว
โดยเปิดโรงพยาบาลสนามเพื่อการฉีดวัคซีน 5 จุด ได้แก่ ท่าอากาศยานภูเก็ต ตึกเทอร์มินัล เอกซ์, โรงแรมอังสนา ลากูนา ภูเก็ต, ห้างจังซีลอนภูเก็ต ป่าตอง, โรงยิมตะพานหิน 4,000 ที่นั่ง และโรงแรมภูเก็ต ออร์คิด รีสอร์ทแอนด์สปา หาดกะรน มีศักยภาพฉีดได้วันละ 12,000 – 14,000 คนต่อวัน โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานท้องถิ่น และภาคเอกชนในการนำประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน และโรงพยาบาลเอกชนร่วมในการจัดบริการประชาชนเป้าหมาย ซึ่งพบว่าดำเนินการได้ดีกว่าที่คาด มีการจัดระบบ 8 ขั้นตอนเช่นเดียวกับที่กระทรวงสาธารณสุข และมีเว็บเพจ “ภูเก็ตต้องชนะ” เพื่อให้ประชาชนลงทะเบียนเข้ารับการฉีดด้วย