การระบาดของ โควิด-19 ในระลอกที่สามแม้ที่ผ่านมา โรคนี้จะไม่เคยหายไปจากประเทศไทย นับตั้งแต่ประเทศไทยได้รู้จัก แต่เราต้องยอมรับว่า การระบาดในรอบนี้ถือเป็นอีกรอบที่รุนแรงและรวดเร็วมากจนทำให้ สถานที่สำหรับการตรวจโควิดในหลายๆที่ต้องเร่งในเรื่องของการบริหารและการจัดการ แต่วันนี้ข่าวมีค่าของเรา ไปเจอข้อมูลหนึ่งที่น่าสนใจโดยเป็นการโพสท์ของคุณหมอ Aekusang Wong ที่นำข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาแชร์และน่าสนใจ วันนี้เราจึงจะพาทุกๆคนไปทำความรู้จักข้อมูลชุดนี้กัน
1. เป็นเชื้อกลายพันธุ์ (UK variant B117) เริ่มรายงานครั้งแรกที่ UK เมื่อ กันยายน ปี 2020 ขณะนี้ถือเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดอยู่ใน UK
2. แพร่ง่ายขึ้น 30-50%
3. มีงานวิจัยว่าอัตราตายเยอะขึ้น แต่ทุกงานวิจัยยังมี Bias ในหลายประเด็น ยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติม
4. แล้วตัวเลขคนตายเยอะขึ้นไหม เรามาดูตัวเลขอัตราการตาย (case fatality rate) ใน UK เทียบกับไทย ในภาพ จะเห็นว่า ถึงแม้เริ่มมีเชื้อกลายพันธ์ุตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว อัตราผู้เสียชีวิตเทียบกับผู้ติดเชื้อไม่ได้เพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ที่สำคัญ เนื่องจากตัวหารมาจากจำนวนคนที่ตรวจแล้วติดเชื้อ ซึ่งความจริงมีอีกหลายคนที่ติดเชื้อ แต่ไม่มีอาการเลยยังไม่ได้ตรวจ ดังนั้น ตัวเลขจริงน่าจะน้อยกว่านี้
5. 3 ปีที่ผ่านมา มนุษย์เรามีองค์ความรู้เกี่ยวกับ COVID เยอะมาก คือติดโดยสัมผัสสารคัดหลั่งที่อยู่ในทางเดินหายใจเป็นหลัก (droplet) ผ่านตา จมูก ปาก ป้องกันโดยใส่แมส ล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงที่แออัด เมื่อติดเชื้อ อาการพบได้ตั้งแต่ไม่มีอาการไปจนถึงทางเดินหายใจล้มเหลว แม้จะมีคนตายตัวเลขก็น้อยมาก เมื่อเทียบกับการระบาดอื่นๆ
6. มีแค่ 1 ใน 5 เท่านั้น ที่ต้องได้รับการดูแลจากบุคลากรทางการแพทย์ ดังนั้นเมื่อติดเชื้อ ก็รักษาตามอาการและกักตัวอยู่บ้าน 14 วัน ยังไม่มียาเฉพาะเหมือนไข้หวัดใหญ่
7. สาธาณสุขแห่งชาติ UK บอกชัดเจน ประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ติดเชื้อ ไม่แสดงอาการแต่แพร่เชื้อได้ เขาเลยมี ‘’rapid lateral flow test” ไปตรวจเองที่บ้าน แหย่จมูกและคอเอง รอผล 30 นาที ถ้าติดก็รายงานผลให้รัฐทางเว็บหรือโทรศัพท์ ขอรับได้ตามศูนย์ต่างๆ เช่น ร้านขายยา บริษัท โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยที่แจ้งไว้ ที่สำคัญ ฟรี
8. UK approved วัคซีนแค่ 3 ตัวเท่านั้น คือ Pfizer, Moderna และ Astrazeneca โดยทั้งสามตัวนี้ มี Astra ตัวเดียวที่มีรายงานลิ่มเลือดอุดตันในร่างกาย หากเกิดที่สมอง พิการได้ หากเกิดที่ปอด อาจทำให้หัวใจหยุดเต้นได้ ในขณะที่ไทยนำเข้าเพียง 2 ตัว คือ Sinovac (ซึ่ง UK ไม่ approved) กับ Astrazeneca
สิ่งที่อยากเห็นต่อจากนี้
1. ยอมรับสักทีว่า มีผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการและสามารถแพร่เชื้อได้ รัฐต้องหาชุดตรวจให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายแบบ UK เพราะปัจจุบันต้องมีอาการเท่านั้นถึงจะได้รับการตรวจในสถานพยาบาล และต้องฟรี เพราะนี่คือความรับผิดชอบของรัฐ
2. ช่วยกันส่งต่อความรู้ โรคนี้ติดง่าย ตายน้อย เมื่อติด กักตัวอยู่บ้าน กินยาตามอาการ อาการแย่ลงให้ไปรพ.
3. การทุ่มทรัพยากรทางการแพทย์ไปให้กับเคสที่มีอาการเล็กน้อย เช่น กรณีรพ.สนาม อาจไม่ใช่คำตอบ อย่าลืมว่ามีคนไข้อีกหลายกลุ่มโรคที่ต้องการเข้าถึงการรักษามากกว่า และโอกาสตายเยอะกว่า
4. lock down ให้ได้สัดส่วน ยึดหลักป้องกันการแพร่ระบาด ไม่ใช่เพื่อให้ตัวเลขเป็น 0 อย่าลืมว่ามีอีกหลายอาชีพต้องการกิจกรรมทางเศรษฐกิจรายวันอยู่
5. เลิกผูกขาดวัคซีน รัฐต้องนำเข้า Pfizer และ Moderna เปิดข้อมูลวัคซีน ให้ประชาชนมีสิทธิเลือกชนิดวัคซีนเองเหมือน UK และรีบทำให้เร็ว ที่สำคัญนี่คือความรับผิดชอบของรัฐ ดังนั้น วัคซีนควรจะต้องฟรีทุกเงื่อนไข
6. รัฐหยุดโทษประชาชน ประชาชนเลิก stigmatize คนติดเชื้อ ไม่มีใครการ์ดตกทั้งนั้น นอกจาก ตัวโรคแล้ว ปากท้องก็มีส่วนสำคัญกับชีวิตเหมือนกัน ห้างร้านผับบาร์ สถานบันเทิง กิจกรรมต่างๆ ล้วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และต่อชีวิตให้คนทำงานทั้งหมด
III
อ่านต่อ
ที่มา : Facebook Aeksang Wong : https://www.facebook.com/naruepon.wongplucksin