ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan โดยทีมข่าวมีค่า ขอสรุปประเด็นที่น่าสนใจจากการติดตามแบ่งประเด็นออกได้ดังต่อไปนี้
1. จากการติดตามในประเทศอังกฤษในบุคลากรทางการแพทย์เปรียบเทียบกลุ่มที่ติดเชื้อมาแล้ว กับ ผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อนเป็นระยะเวลา 7 เดือนพบว่าผู้ที่เคยติดเชื้อมาแล้วโอกาสที่จะติดเชื้อซ้ำใหม่น้อยกว่าผู้ที่ยังไม่เคยติดเชื้อมาก่อน ร้อยละ 84
จากข้อมูลก็เปรียบเสมือนว่า คนที่เคยติดเชื้อมาแล้ว มีประสิทธิภาพ ป้องกันการติดเชื้อได้ ร้อยละ 84 (Hall VJ et al, Lancet 2021; 397: 1459–69)
หรือสรุปง่ายๆ นั่นก็หมายถึงว่า วัคซีนถ้าสร้างภูมิต้านทานให้ได้เท่ากับการติดเชื้อจริงในธรรมชาติ จะป้องกันได้ร้อยละ 84 จากข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่า การที่เคยเป็นโรคแล้ว มีโอกาสเป็นซ้ำได้อีก
2. การฉีดวัคซีนก็เหมือนกับการกระตุ้นให้เกิดภูมิต้านทานแบบการติดเชื้อ วัคซีนจึงไม่สามารถป้องกันได้ 100% วัคซีนที่ป้องกันได้เกินกว่า 84% ก็ถือว่าเหนือกว่าการติดเชื้อโดยธรรมชาติแล้ว ดังนั้นในอนาคตการให้วัคซีน จำเป็นต้องมีการให้ซ้ำอีกแน่นอน ซึ่งการฉีดเพื่อกระตุ้นก็อาจจะเป็นหลัง 6 เดือนถึง 1 ปี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันในระยะยาว หรืออาจจะต้องกระตุ้นทุกปีหรือทุก 2- 3 ปีก็คงขึ้นอยู่กับข้อมูล
3. ในทำนองเดียวกัน ผู้ที่ติดเชื้อมาแล้วก็ยังคงต้องให้วัคซีนในการป้องกันโรค ระยะเวลาในการให้วัคซีนหลังติดเชื้อ ควรจะอยู่ในระยะ 3 ถึง 6 เดือนหลังจากติดเชื้อ จำนวนครั้งในการให้วัคซีนในผู้ติดเชื้อมาแล้ว เป็นที่น่าสนใจ เพราะเชื่อว่าการกระตุ้นเพียงครั้งเดียวก็น่าจะเพียงพอ แต่ถ้าติดเชื้อมาแล้วเป็นปี การให้วัคซีนก็อาจจะต้องให้แบบคนที่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อน เมื่อเป็นเช่นนี้จะเป็นโอกาสทองของบริษัทวัคซีน
ที่มา : https://www.facebook.com/yong.poovorawan