ล่าสุด เฟสบุ๊กของ ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ได้โพสท์กราฟยอดผู้ป่วยสะสม (ระลอกเมษายน) จนถึงวันนี้ 29 เมษายน มีประเด็นที่น่าสนใจซึ่งถ้าเป็นไปตามที่อาจารย์วิเคราะห์นั่นหมายถึงว่า ประมาณกลางเดือนพฤษภาคม สถานการณ์ต่างๆ ของประเทศไทยน่าจะเข้าที่ และเราก็จะกลับมาร่วมกิจกรรมต่างๆ ได้ปกติ โดยมีประเด็นที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
กราฟนี้สื่อสารได้อย่างชัดเจน ว่าผลของการแพร่ระบาดช่วงสงกรานต์ เริ่มนับตั้งแต่วันที่คนเริ่มกลับบ้าน คือวันที่ 9 เมย. นับ 14 วันคือวันที่ 23 เมย. (สะสมรวมกับคนที่ประมาณ 7-10 วันแล้วแสดงอาการ) ที่อยู่ดีๆกราฟก็เพิ่มหลายร้อย พุ่งทะลุ 2,000 เป็นครั้งแรก จาก และวันต่อมาก็คือวันที่ยอดทำสถิติน่าใจหาย พุ่งปรี๊ดไปอยู่ที่ 2,839 และจากนั้นก็ค่อยๆลดลงจากยอดพีค 5 วันต่อเนื่องแล้ว
ซึ่งยอดวันนี้ เป็นผลสะสมย้อนไป 14 วันถึงวันที่ 15 เมย. ดังนั้นยังเหลืออีก 2 วันคือวันที่ 30 เมย. และ 1 พ.ค. ซึ่งเป็นผลของวันที่ 16, 17 เมย. ก่อนจะถึงวันที่เราเริ่มมาตรการในวันที่ 18 เมย. แต่เท่าที่ดูแนวโน้ม เราก็น่าจะพอสรุปได้ว่าเราผ่านช่วงพีคของระลอกนี้มาแล้ว และไม่น่าจะขึ้นไปมากกว่า 2,839 อีก ซึ่งเป็นไปตามที่ผมเคยคาดการณ์ ว่าเราน่าจะเริ่มคุมสถานการณ์ได้อยู่ภายในเดือนนี้ เพียงแต่ยอดจะลงมาเหลือเท่าไหร่ ยิ่งถ้าพีคสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งลงยากและใช้เวลานานขึ้นเท่านั้น แต่ที่สุดแล้วมันจะค่อยๆลง
และถ้าเป็นไปตามแนวโน้ม ยอดจะค่อยๆลง จนถึงประมาณภายใน 14 วันหลังจากวันที่ 1 พ.ค. (คืออย่างช้า 15 พ.ค.) ที่เราเริ่มใช้มาตรการเข้มข้นขึ้น กราฟจะปักหัวลงมากขึ้น คือยอดผู้ติดเชื้อแต่ละวันจะลดลงในสัดส่วนที่มากขึ้น
แต่ถ้าเกิดเหตุไม่คาดคิด คือยอดของพรุ่งนี้ และมะรืนนี้ พุ่งขึ้นไปเกิน 2,839 นั่นแปลว่าเรามีปัญหาแล้ว เพราะแสดงว่าเกิดคลัสเตอร์ใหม่ที่ส่งผลให้เกิดระลอกต่อเนื่อง ก็ต้องลุ้นกันไปกว่าจะถึงวันที่จะเห็นผลของมาตรการวันที่ 1 พ.ค. (อย่างช้า 15 พ.ค.) ยอดถึงจะลดอย่างจริงจัง
แต่ยังไงผมเชื่อว่า ภายในกลางเดือน พ.ค. นี้ เราจะผ่านพ้นระลอก 3 ไปได้ และน่าจะได้เริ่มเปิดร้าน กลับไปทำกิจกรรมอะไรได้เหมือนก่อนเดือน เมย.มหาวินาศ และภายในปลายเดือน พ.ค. น่าจะเปิดเรียนได้ ไปเที่ยวในประเทศกันได้เหมือนเดิม
แล้วพอเดือน มิ.ย. เราก็เริ่มฉีดวัคซีนกันเต็มอัตรา (จริงๆน่าจะมีหวังเริ่มฉีดตั้งแต่กลางเดือน พค.แล้ว) จากนั้นเราก็จะค่อยๆคลายกังวลกันมากขึ้น เดือน ก.ค. ก็เริ่มเดินหน้ารับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้ว และเดือนต่อๆไป ก็เริ่มเปิดประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ เดินทางไปต่างประเทศได้มากขึ้น
และไม่ว่ายังไง ผมเชื่อว่า ภายในปีนี้ เราจะฉีดวัคซีนได้ครบ 50 ล้านคน และจะจัดการโควิดได้จบ และจะฉลองปีใหม่ได้เสียทีครับ
ข่าวมีค่า ก็หวังว่าเหตุการณ์ทุกอย่างจะกลับมาปกติโดยเร็วที่สุดและเป็นกำลังใจให้กลับผู้ประกอบการทุกๆ ท่านผ่านเหตุการณ์ในครั้งนี้ไปโดยเร็วที่สุด
ที่มา https://www.facebook.com/warat.ka