นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ ขณะตรวจเยี่ยมการจัดบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่สถานีกลางบางซื่อ ระบุว่า กำชับให้เร่งฉีดวัคซีนให้กลุ่มเสี่ยง คือ ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรคและหญิงตั้งครรภ์ เพื่อให้เกิดภูมิต้านทาน ลดการเจ็บป่วยรุนแรง ลดอัตราการเสียชีวิตให้ได้มากที่สุด
ส่วนแผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในช่วงที่มีการระบาดของโรครุนแรงนี้ ได้มีข้อสั่งการ ให้สลับชนิดการฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นแนวทางที่ได้รับการเสนอจากคณะกรรมการวิชาการ ที่ประกอบด้วยคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่ดูแลวิธีการบริหารจัดการวัคซีนที่ได้ทำการศึกษาวิจัยวิธีการฉีดวัคซีน ซิโนแวค สลับกับ แอสตร้าเซนเนก้า ทำให้เกิดภูมิต้านทานในระยะเวลาอันสั้น มีประโยชน์ต่อประชาชนในการรับมือกับสายพันธุ์เดลต้า ฝ่ายนโยบายได้พิจารณาว่าเป็นประโยชน์กับประชาชนสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการระบาดรุนแรงจึงได้รับแนวทางมาดำเนินการ
สำหรับการจัดหาวัคซีน กรมควบคุมโรค ในฐานะคู่สัญญากับบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด ได้เจรจาต่อรองอย่างต่อเนื่องให้ผู้ผลิตที่จะจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมให้ประเทศไทยมากที่สุด เร็วที่สุด โดยเฉพาะช่วงที่มี
การระบาดรุนแรงขณะนี้ โดยได้ตั้งคณะทำงานในการเจรจากับผู้ผลิต
“รัฐบาลไทยจะจัดหาวัคซีนและฉีดให้กับคนในประเทศไทยจนครบทุกคน จนกว่าโรคโควิดจะหมดไปหรือจนกลายเป็นโรคประจำถิ่น” นายอนุทินกล่าว