ศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด 19 (ศบค.) แถลงชี้แจงมาตรการตามข้อกำหนดฉบับที่ 28 ระบุเป็น “มาตรการล็อกดาวน์ขั้นสูงสุด” ในพื้นที่ 13 จังหวัดสีแดงเข้ม รวมกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยขอให้ประชาชนงดออกจากเคหสถาน หรือ ที่พำนัก โดยไม่จำเป็นในเวลากลางวัน ยกเว้น เพื่อจัดหาอาหาร ยา พบแพทย์ รับวัคซีน และอาชีพจำเป็น มีผลบังคับใช้พรุ่งนี้ (20 ก.ค.64)
กิจกรรมที่ได้รับการยกเว้น ให้เดินทางออกนอกเคหสถานในเวลากลางวันได้ ได้แก่
1.การจัดการเครื่องอุปโภคบริโภค อาหาร ยา เวชภัณฑ์
2.การพบแพทย์ รับบริการสาธารณสุข รักษาพยาบาล รับวัคซีน
3.อาชีพที่มีความจำเป็น ต้องปฏฺิบัติงาน ที่ไม่สามารถทำงานที่บ้านได้
บุคคลและกิจกรรมที่ได้รับการยกเว้น เรื่องการงดออกนอกเคหสถาน 6 กลุ่ม ได้แก่
1.เจ้าหน้าที่ทางด้านการสาธารณสุข
2.การขนส่ง เพื่อประโยชน์ด้านอาหาร ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ สินค้าอุปโภค ผลผลิตทางการเกษตร น้ำมัน เชื้อเพลิง ไปรษณีย์ พัสดุ สิ่งพิมพ์ สินค้าเพื่อส่งออก นำเข้า
3.การขนย้ายประชาชน
4.การให้บริการประชาชน
5.การประกอบอาชีพจำเป็น ไม่สามารถทำงานนอกสถานที่ได้
6.อื่น ๆ ที่ได้รับอนุญาตเฉพาะรายของเจ้าหน้าที่
ส่วนมาตรการล็อกดาวน์ ในตอนกลางคืน ยังงดออกจากบ้าน ในเวลา 21.00-04.00 น. เช่นเดียวกับประกาศฉบับก่อนหน้านี้ แต่ขยายระยะเวลาไปอีก 14 วัน นับจากวันที่ 20 ก.ค.
นอกจากนี้ จะมีการตั้งด่านตรวจและจุดสกัดของทหาร ตำรวจ และด่านตรวจเพื่อควบคุมการเดินทางเข้าออก 6 จังหวัด กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยใช้ชุดตรวจที่ชื่อว่า “ชุดตรวจเข้มแข็ง” กระจายไปในชายขอบของ 6 จังหวัดภาคกลาง
สำหรับพื้นที่ 13 จังหวัด ที่ถูกบังคับใช้มาตรการล่าสุดนี้ ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร นครปฐม สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และจังหวัดที่เพิ่มมา ได้แก่ อยุธยา ชลบุรี และฉะเชิงเทรา