นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย ทันตแพทย์อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และเรืออากาศเอกนายแพทย์อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) แถลงข่าวถึงแนวทางการจัดระบบบริการรับส่งผู้ป่วยโควิด-19 กลับภูมิลำเนาอย่างปลอดภัย
ซึ่งผลจากมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้มีผู้ลงทะเบียนขอเดินทางกลับภูมิลำเนา ผ่านระบบ ศบค.ในเดือนกรกฎาคม 504,241 คน (ข้อมูลวันที่ 19 – 22 กรกฎาคม) ซึ่งในจำนวนนี้อาจมีผู้ติดเชื้อเดินทางกลับไปด้วย ขณะที่การระบาดระลอกใหม่มีรายงานผู้ติดเชื้อจาก กทม.และปริมณฑลเดินทางกลับต่างจังหวัดแล้ว 31,175 คน ส่วนใหญ่อาการสีเขียว
ทั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วง ต้องการให้ผู้ติดเชื้อโควิดที่จะเดินทางกลับไปรักษาที่ภูมิลำเนามีความปลอดภัย ไม่แพร่กระจายเชื้อระหว่างการเดินทาง จึงมอบหมายให้ จัดระบบดังกล่าว โดยผู้ติดเชื้อประสงค์จะเดินทางกลับภูมิลำเนา ให้ติดต่อสายด่วน สปสช.หรือ ผ่านระบบออนไลน์
เพื่อรวบรวมข้อมูลให้กระทรวงสาธารณสุข ประสานโรงพยาบาลจังหวัดปลายทางเตรียมความพร้อมรองรับ รวมทั้งประสานกับ สพฉ.เตรียมยานพาหนะประเภทต่างๆ นำส่งภูมิลำเนาด้วยความปลอดภัย คาดว่าจะใช้เวลาประสานไม่เกิน 3 วัน จะสามารถเดินทางได้
โดยดูแลทั้งเรื่องอาหาร น้ำดื่ม และสุขภาพตลอดการเดินทาง และระหว่างการรอ ผู้ติดเชื้อต้องดูแลป้องกันการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นและหากมีอาการรุนแรงขึ้นให้ประสานสายด่วน 1330 และ 1668 ส่วนผู้ที่ไม่ติดเชื้อและต้องการกลับภูมิลำเนา เมื่อเดินทางไปแล้วขอให้รายงานตัวกับทางจังหวัด
ด้านทันตแพทย์อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อ ที่ต้องการกลับภูมิลำเนาสามารถติดต่อ ได้ทางสายด่วน สปสช. 1330 กด 15 ซึ่งกำลังเพิ่มเป็น 2,100 คู่สาย หรือ ติดต่อทางเว็บไซต์ https://crmdci.nhso.go.th/ หรือ การสแกนคิวอาร์โค้ด โดย สปสช.จะส่งให้กระทรวงสาธารณสุขทุกวัน ในช่วงเวลา 08.00 น.
ด้านเรืออากาศเอก นายแพทย์อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาต้องอยู่ในเกณฑ์อาการสีเขียว หากอาการรุนแรงจะส่งรถฉุกเฉินรับไปส่งโรงพยาบาลที่เหมาะสมแทน สำหรับพาหนะในการส่งผู้ป่วยกลับภูมิลำเนาร่วมมือกับกระทรวงคมนาคม จัดเตรียมรถไฟ รถบขส. และรถตู้ไว้บริการ
นอกจากนี้ ยังประสานกรมการขนส่งทหารบก กรมแพทย์ทหารบก จัดรถขนาดใหญ่ หรือ เครื่องบิน โดยผู้ที่จะเดินทางกลับโดยเครื่องบินต้องผ่านการประเมินสุขภาพว่า พร้อมสำหรับการเดินทาง (Fit to Fly) จัดบุคลากรทางการแพทย์ ยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ดูแลตลอดการเดินทาง
สำหรับรถบัส รถทัวร์ จะมีรถพยาบาลฉุกเฉินตามไปด้วย ส่วนรถไฟและเครื่องบินจะมีบุคลากรทางการแพทย์ติดตามเพื่อดูแลหากมีเหตุฉุกเฉิน โดยจะจัดยานพาหนะไว้ 3 ช่วง คือ
- ช่วงแรก เป็นการไปรับส่งผู้ป่วยจากบ้านมายังสถานีรถไฟ บขส. หรือ เครื่องบิน เนื่องจาก กทม.มีการใช้รถรับส่งผู้ป่วยจำนวนมาก
- ช่วงที่สอง คือ ยานพาหนะที่รับส่งระยะยาว คือ รถบัส รถไฟ เครื่องบิน เป็นต้น
- ช่วงที่สาม คือ การรับส่งที่จังหวัดปลายทาง โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หรือ โรงพยาบาลจะจัดรถมารับ
อย่างไรก็ตาม อยากให้ผู้ติดเชื้อที่ต้องการเดินทางกลับ ใช้ระบบบริการที่รัฐจัดให้ เนื่องจากมีความปลอดภัยและไม่มีค่าใช้จ่าย