คณะนักวิจัย 7 คน นำโดย M S Nai จาก Columbia University และ University of Washington พบโกฐจุฬาลัมพา สมุนไพรที่หมอพื้นบ้านไทย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียรู้จักดี สามารถต้านเชื้อโควิดได้ในห้องปฏิบัติการโดยสารสกัดรวมในน้ำร้อน และใบแห้งของโกฐจุฬาลัมพา (โดยมีตัวอย่างหนึ่งมีอายุมากกว่า 10 ปี) มีประสิทธิภาพสูงในการยับยั้งเชื้อโควิด ซึ่งรวมทั้งสายพันธ์ุแอฟริกา และอังกฤษ
นักวิจัยเชื่อว่า สารที่มีบทบาทสำคัญในการยับยั้งไวรัสมรณะนี้นอกจากสาร artemisinin และองค์ประกอบแล้วน่าจะมาจาการทำงานของสารอื่นๆในโกฐจุฬาลัมพาด้วย ซึ่งโกฐจุฬาลัมพา มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Artemisia vulgaris L. จะจัดอยู่ในวงศ์ทานตะวัน (ASTERACEAE ) มีชื่อสามัญว่า Common wormwood
ในบัญชียาจากสมุนไพรที่มีการใช้ตามองค์ความรู้เดิม ตามประกาศของคณะกรรมการแห่งชาติด้านยา (ฉบับที่ 5) มีปรากฏการใช้สมุนไพรโกฐจุฬาลัมพาในหลายตำรับ ได้แก่ ยารักษากลุ่มอาการทางระบบไหลเวียนโลหิตหรือยาแก้ลม ซึ่งมีปรากฏในตำรับ “ยาหอมเทพจิตร” และตำรับ “ยาหอมนวโกฐ” ที่มีส่วนประกอบโกฐจุฬาลัมพารวมกับสมุนไพรอื่น
มีสรรพคุณเป็นยาแก้ลมวิงเวียน แก้อาการหน้ามืด ตาลาย ใจสั่น คลื่นเหียน อาเจียน และแก้ลมจุกแน่นในท้อง และในยาแก้ไข้ก็มีปรากฏในตำรับ “ยาจันทน์ลีลา” และตำรับ “ยาแก้ไข้ห้าราก” ที่มีส่วนประกอบของโกฐจุฬาลัมพาร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ อีกในตำรับ โดยมีสรรพคุณเป็นยาบรรเทาอาการไข้ตัวร้อน ไข้เปลี่ยนฤดู
ถ้าใครจำได้เมื่อปีที่แล้ว นายแอนดรี ราโจเอลินา ประธานาธิบดี แห่งมาดาร์กัสกา ได้ประกาศในประชาชนใช้โกฐจุฬาลัมพา แต่กลับถูกวิจารณ์โดยองค์การอนามัยโลกโดยอ้างว่าเป็นการรณรงค์ยังไม่ได้มีงานวิจัยใด ๆ รองรับ แต่เขายังเดินหน้าเผยแพร่การใช้ยาสมุนไพรโดยไม่สนใจคำเตือน
แต่โกฐจุฬาลัมพา ก็มีข้อควรระวัง ! เนื่องจากต้นโกฐจุฬาลัมพา มีทั้งพันธุ์ดอกสีขาวและดอกสีแดง มีสรรพคุณทางยาเหมือนกัน สามารถนำมาใช้แทนกันได้ นอกจากนี้ ยังมีพันธุ์ดอกสีเหลือง ชนิดที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Artemisia princeps Pamp ด้วย แต่พันธุ์นี้จะมีพิษ ถ้าใช้เกินขนาด ก็อาจทำให้ถึงแก่ความตายได้
การใช้ยา ไม่ควรใช้ต่อเนื่อง เป็นระยะเวลานาน ควรใช้ตามคำแนะนำของหมอพื้นบ้าน และแพทย์แผนไทย เพราะอาจส่งผลกระทบต่อตับไต หญิงตั้งครรภ์ หรือ ไข้เลือดออก
คลิปดูงานวิจัยได้ที่
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/33716085/#affiliation-1
ที่มา : Biothai