หลังจากกระทรวงสาธารณสุขรับมอบ วัคซีนไฟเซอร์ล็อตแรก จำนวน 1,503,450 โดส จากประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนจะประกาศหลักเกณฑ์การใหวัคซีน แก่บุคลากรการแพทย์ด่านหน้า โดยระบุให้จัดสรรเพื่อเป็นเข็มกระตุ้นเท่านั้น ไม่มีเริ่มเป็นเข็มแรก และกลุ่มบุคลากรการแพทย์ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวค หรือ วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าไป 1 เข็ม ก็ไม่เข้าเกณฑ์ที่จะได้รับวัคซีนไฟเซอร์ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียล
ล่าสุด มีค่า นิวส์ ทราบว่า ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข ได้แถลงมติคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ครั้งที่ 4/2564 เรื่อง คำแนะนำการให้วัคซีนโควิด-19 ไฟเซอร์ในบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขโดยปรับเกณฑ์การให้วัคซีนไฟเซอร์แก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขใหม่! ดังนี้
กลุ่มเป้าหมาย
1.บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทุกคนที่ต้องสัมผัสผู้ป่วยโควิด-19 จากการปฏิบัติงานทั่วประเทศ
2.นักศึกษาและเจ้าหน้าที่ที่ต้องสัมผัสผู้ป่วยโควิดจากการปฏิบัติงาน เช่น แผนกผู้ป่วยนอก / แผนกผู้ป่วยใน / คลินิกทางเดินหายใจ / ห้องฉุกเฉิน / แผนกผู้ป่วยวิกฤต / รพ.สนาม / เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ / เจ้าหน้าที่สอบสวนโรค / เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในสถานที่กักกัน หรือ ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับภารกิจดูแลผู้ป่วยโควิดอื่นๆ ตามการพิจารณาของสถานพยาบาลหรือหน่วยงานต้นสังกัด
หลักการให้วัคซีนใหม่ ประกอบด้วย
1.บุคลากรที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค หรือ ซิโนฟาร์ม ครบ 2 เข็ม พิจารณาให้วัคซีนไฟเซอร์ กระตุ้น 1 เข็ม โดยเสนอจัดสรรให้ 600,000 โดส
2.บุคลากรที่ได้รับวัคซีนใดๆ มาแล้วเพียง 1 เข็ม พิจารณาให้วัคซีนไฟเซอร์เป็นเข็มที่ 2 ได้ โดยกำหนดระยะห่างระหว่างโดสตามชนิดของวัคซีนเข็มที่ 1 เป็นหลัก โดยเสนอให้จัดสรรให้ 50,000 โดส
3. บุคลากรที่ไม่เคยได้วัคซีนใด ๆ มาก่อน พิจารณาให้ไฟเซอร์ 2 เข็ม ห่างกัน 3 สัปดาห์ โดยจัดสรรให้ 47,700 โดส (23,850 คน คนละ 2 เข็ม)
4. บุคลากรที่เคยติดเชื้อโควิดและไม่เคยได้วัคซีนมาก่อน พิจารณาให้วัคซีนไฟเซอร์ 1 เข็ม โดยมีระยะห่างจากวันที่พบการติดเชื้ออย่างน้อย 1 เดือน จัดสรรให้ 2,300 โดส
ทั้งนี้ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่เคยได้รับวัคซีนดังต่อไปนี้ ได้แก่
1.ซิโนแวคเข็มแรก และแอสตร้าเซนเนก้าเข็มที่ 2
2.แอสตร้าเซนเนก้าทั้ง 2 เข็ม
3.ซิโนแวค 2 เข็ม และได้เข็มกระตุ้นเป็นแอสตร้าเซนเนก้า 1 เข็ม
คณะอนุกรรมการฯ พิจารณายังไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์เป็นเข็มกระตุ้น เพราะบุคลากรดังกล่าว ยังมีภูมิคุ้มกันอยู่ในระดับสูงในระยะนี้ เนื่องจากเพิ่งฉีดวัคซีน อย่างไรก็ตาม บุคลากรกลุ่มนี้ให้ขึ้นทะเบียนรายชื่อไว้ และจะมีการพิจารณาข้อมูลวิชาการและดำเนินการให้วัคซีนไฟเซอร์แก่บุคลากรกลุ่มนี้ต่อไปเมื่อมีวัคซีนเข้ามาเพิ่มในระยะต่อไป