นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เรื่องการอนุมัติกรอบวงเงินจำนวน 9.3 พันล้านบาท เพื่อชำระค่าสั่งซื้อ “วัคซีนไฟเซอร์” จำนวน 20 ล้านโดส ที่เคยลงนามไปก่อนหน้านี้ ประกอบด้วย ค่าวัคซีนจำนวน 8.4 พันล้าน และค่าบริการจัดการ 933 ล้านบาท ซึ่งจะมีการส่งมอบในช่วงไตรมาส 4 คือ ปลายเดือนกันยายน ถึงเดือนตุลาคมนี้
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ยังรับทราบการจัดสั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์ เพิ่มเติมอีก 10 ล้านโดส พร้อมมอบให้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขได้ลงนามกับผู้แทนบริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และไบออนเทค ทำให้การจัดซื้อวัคซีนไฟเซอร์ซึ่งเป็น วัคซีนชนิด mRNA เพิ่มจำนวนเป็น 30 ล้านโดส
นายกรัฐมนตรี ได้ขอบคุณทุกหน่วยงาน ที่สนับสนุนให้สามารถจัดหาวัคซีนไฟเซอร์ 30 ล้านโดส รวมถึงวัคซีนเทคโนโลยีต่างๆ มาฉีดให้แก่ประชาชน และขอให้มีการบริหารจัดการกระจายวัคซีนให้ดีด้วยแผนที่ชัดเจน รวมถึงการให้ข้อมูลการจัดสรรแก่ประชาชนต่อไป
สำหรับการทำข้อตกลงเพื่อจัดหาวัคซีนไฟเซอร์ในครั้งนี้ จะทำให้ไทยมีวัคซีนโควิด-19 กระจายให้ประชาชนเกือบครบทุกชนิด ทั้งในส่วนของ mRNA ของไฟเซอร์ และโมเดอร์นา ชนิดเชื้อตาย ของซิโนแวคและซิโนฟาร์ม ชนิดไวรัลเวกเตอร์ ของแอสตร้าเซนเนก้า
ทั้งนี้ วัคซีนไฟเซอร์ ได้รับการขึ้นทะเบียนแบบมีเงื่อนไขจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2564 และเป็นวัคซีนที่ขึ้นทะเบียนให้ใช้สำหรับผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไปได้