นายอภิญญา สุจริตตานันท์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เปิดเผยว่า ภายหลัง ศบค. เห็นชอบมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) 29 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป โดยให้สถานประกอบการ เปิดดำเนินกิจการได้ เช่น ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ร้านนวด ร้านเสริมสวย/ตัดผม เป็นต้น
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จึงได้ดูแลสิทธิประโยชน์ของนายจ้างและลูกจ้าง สำหรับกิจการที่ทางราชการผ่อนคลายให้ดำเนินกิจการได้ โดยให้ปฏิบัติ ดังนี้
1.นายจ้างเรียกลูกจ้างมาทำงานตามปกติ หากนายจ้างไม่เรียกให้ลูกจ้างมาทำงาน นายจ้างยังมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้าง หากนายจ้างไม่จ่ายค่าจ้างให้ อาจถือเป็นการเลิกจ้างลูกจ้างโดยปริยาย
2.นายจ้างจะต้องจ่ายค่าชดเชยและค่าบอกกล่าวล่วงหน้าให้แก่ลูกจ้าง สำหรับลูกจ้างมีหน้าที่ต้องไปทำงานตามที่นายจ้างเรียก หากลูกจ้างไม่ไปทำงานโดยไม่ได้ลางาน หรือ หยุดงาน โดยนายจ้างไม่อนุญาตหรือให้ความยินยอม อาจเป็นการขาดงาน ลูกจ้างอาจถูกลงโทษทางวินัยจากนายจ้างได้ และ หากลูกจ้างขาดงาน 3 วันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันควร อาจถูกเลิกจ้าง โดยไม่ได้รับค่าชดเชย
ขอให้นายจ้างดำเนินกิจการตามมาตรการและเงื่อนไข ที่ ศบค.กำหนดไว้ เพื่อเป็นการป้องกัน และยับยั้งการแพร่ระบาดโควิด-19 และเป็นการสร้างความมั่นใจแก่ลูกจ้าง ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงาน รวมถึงเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้รับบริการหรือผู้บริโภคด้วย