นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ลงนามกฎกระทรวงฉบับที่ 377 (พ.ศ.2564) ว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารหลักฐานและทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งผู้ประกอบการที่ให้บริการอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มจากต่างประเทศ
เพื่อกำหนดวิธีการดำเนินงานในการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ (e – Service) ของกรมสรรพากร ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ทางกฎหมายในวันที่ 1 กันยายน เป็นต้นไป
“ภาษี e – Service” มีการดำเนินการในขั้นตอนของกฎหมายมากกว่า 2 ปี จนได้รับการอนุมัติเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 โดยกฎกระทรวงฯ จะกำหนดให้ผู้ประกอบการต่างประเทศที่ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้บริการ ที่ไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในประเทศไทย และมีรายได้จากการให้บริการเกิน 1.8 ล้านบาท
จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ผ่านระบบงานภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ (VAT for Electronic Service : VES) บนเว็บไซต์ของกรมสรรพากร และยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมชำระภาษีเป็นรายเดือน ภายในวันที่ 23 ในเดือนถัดไป
ปัจจุบันมีผู้ประกอบการต่างประเทศลงทะเบียน เพื่อขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มบนเว็บไซต์ของกรมสรรพากรแล้วมากกว่า 50 ราย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ผู้ให้บริการต่างประเทศ มีความตื่นตัวและพร้อมจะปฏิบัติตามกฎหมายภาษี e – Service ของไทยด้วยดี ซึ่งไทยเป็นหนึ่งใน 60 กว่าประเทศทั่วโลก ที่ได้เริ่มดำเนินการเก็บภาษีประเภทนี้
สำหรับธุรกิจที่ต้องมาจดทะเบียนและดำเนินการทางภาษี ประกอบด้วย
1.ธุรกิจให้บริการแพลตฟอร์มสำหรับขายของออนไลน์
2.ธุรกิจให้บริการโฆษณาออนไลน์
3.ธุรกิจให้บริการจองโรงแรม ที่พักและการเดินทาง
4.ธุรกิจให้บริการเป็นตัวกลางระหว่างผู้ซื้อผู้ขาย
5.ธุรกิจให้บริการสมาชิกดูหนังฟังเพลงออนไลน์ เกมส์ และแอพพลิเคชันต่างๆ
“ภาษี e – Service” ดังกล่าว จะช่วยสร้างความเป็นธรรมในการแข่งขัน ระหว่างผู้ประกอบการไทยกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มต่างชาติ เพราะที่ผ่านมาผู้ประกอบการไทยที่ทำธุรกิจบริการออนไลน์ จะต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม ในขณะที่ผู้ประกอบการต่างชาติไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
นอกจาก ทำให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขันแล้ว ภาษี e – Service จะเป็นการเพิ่มรายได้ทางหนึ่งให้กับประเทศ ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2564
และในอนาคตจะทำให้ประเทศไทยมีฐานข้อมูลรายได้ของผู้ให้บริการแพลตฟอร์มต่างชาติ ที่จะสามารถนำไปใช้ในการคำนวณเป็นฐานภาษีใหม่ที่น่าจะเป็นรายได้อีกทางหนึ่งของประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม กฎกระทรวงฯ ดังกล่าว ยังกำหนดวิธีการดำเนินการจัดเก็บภาษี e – Service ตั้งแต่กระบวนการจดทะเบียนในระบบ VES การติดต่อระหว่างกรมสรรพากร และผู้ประกอบการจากต่างประเทศ การจัดทำ ส่ง รับ เก็บรักษาเอกสาร การยื่นแบบและชำระภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านระบบ Internet
โดยการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ประกอบการ e – Service จากต่างประเทศ ที่จดทะเบียนตามกฎกระทรวงฯ นี้ จะชำระภาษีมูลค่าเพิ่มจากฐานการให้บริการแก่ผู้ใช้บริการในไทยที่ไม่ได้ จดทะเบียน VAT
แต่สำหรับผู้ใช้บริการในไทยที่จดทะเบียน VAT อยู่แล้ว ให้ดำเนินการโดยยื่นแบบ และชำระภาษีมูลค่าเพิ่มตามแบบ ภ.พ. 36 และสามารถนำภาษีมูลค่าเพิ่มตามใบเสร็จรับเงินของกรมสรรพากรมาหักเป็นภาษีซื้อได้เช่นเดิม
นอกจากนั้น ผู้ประกอบการ e – Service จากต่างประเทศไม่มีสิทธิออกใบกำกับภาษีและไม่มีสิทธินำภาษีซื้อมาหักออกจากภาษีขาย
ทั้งนี้ กรมสรรพากรได้เผยแพร่รายชื่อผู้ประกอบการ e – Service จากต่างประเทศที่ได้จดทะเบียนแล้วบนเว็บไซต์ของกรมสรรพากรที่ https://eservice.rd.go.th/rd-ves-web/search/company