นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า การระบาดของเชื้อโรคโคโรนาไวรัส 2019 หรือ โรคโควิด-19 ในประเทศไทยในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา เป็นไปอย่างรวดเร็ว และรุนแรงกว่าครั้งที่ผ่านๆ มา ด้วยการที่เชื้อโรคโควิด-19 มีการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมและกลายพันธุ์จนเกิดเป็นสายพันธุ์อัลฟา (Alpha) และเดลตา (Delta) ซึ่งเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่นี้ มีการแพร่ระบาดง่าย และก่อให้เกิดอาการรุนแรง โดยเฉพาะในประชาชนกลุ่มเปราะบาง
การสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ก็ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะช่วย “ลดป่วยรุนแรง ลดตาย รักษาหายเร็ว” ดังนั้น กรม สบส.จึงประสานขอความร่วมมือจาก อสม. ทีมนักรบเสื้อเทา ร่วมสำรวจ ติดตาม การฉีดวัคซีนของ “กลุ่ม 608” ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง ประกอบด้วย
- กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป
- ผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง
- หญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป
อ่านความหมายย้อนหลังได้ที่ https://mekhanews.com/2021/07/30/group-608-is/
ซึ่งต้องให้กลุ่มนี้ ที่มีอยู่จำนวน 2.9 ล้านคน ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ตามที่ตั้งเป้าไว้ โดยอาศัยกลไก 3 หมอ จาก อสม. ดังนี้
หมอคนที่ 1 ที่มีความใกล้ชิดกับชุมชนมีบทบาทในการเฝ้าระวัง ติดตามกลุ่มเสี่ยงสังเกตอาการ อำนวยความสะดวกในการรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 รวมทั้ง ถ่ายทอดองค์ความรู้ที่จำเป็นร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ซึ่งเป็นหมอคนที่ 2 และประสานกับหมอคนที่ 3 คือ หมอครอบครัวที่โรงพยาบาลให้บริการฉีดวัคซีน และติดตามอาการไม่พึงประสงค์แก่กลุ่มเป้าหมาย
ซึ่งตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2564 อสม.ได้ดำเนินการเผยแพร่ความรู้ และสนับสนุน “กลุ่ม 608” ให้ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ประมาณร้อยละ 30 ของกลุ่มเป้ามหาย แบ่งเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ จำนวน 621,754 ราย กลุ่มผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค จำนวน 261,454 ราย และกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ จำนวน 3,593 ราย (ข้อมูลจาก www.thaiphc.net วันที่ 3 กันยายน 2564)
และเมื่อดำเนินการฉีดวัคซีนในกลุ่ม 608 ครบถ้วนแล้วลำดับถัดไป อสม.ก็จะดำเนินการติดตาม สำรวจ ประชาชนในกลุ่มอายุ 18 – 59 ปี ให้ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ต่อไป