พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนประชาชนเกี่ยวกับการหลอกลวงฉ้อโกงประชาชนในลักษณะแชร์ลูกโซ่ และจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีอย่างต่อเนื่อง
แต่ปัจจุบันยังคงพบการหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวอยู่ คาดว่าสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากเทคโนโลยี ที่มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้รูปแบบของขบวนการแชร์ลูกโซ่มีการพัฒนารูปแบบให้มีความทันสมัยและทำให้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น
วิธีการ คือ จะมาในลักษณะแอปพลิเคชัน หรือ เว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อเข้าถึงประชาชน ก่อนหลอกชักชวนให้เข้าร่วมลงทุนในธุรกิจ โดยอ้างว่า มีผลกำไร หรือ มีผลตอบแทนที่สูงมากในระยะเวลาสั้น ๆ และจดทะเบียนธุรกิจถูกต้อง
เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และช่วงแรกมักจะให้ค่าตอบแทนที่สูงจริง ๆ ตามที่อ้าง เพื่อล่อตาล่อใจ ทำให้ประชาชนหลงเชื่อร่วมลงทุนเป็นจำนวนมาก จากนั้นก็จะปิดตัวลง และไม่สามารถติดต่อกับเว็บไซต์หรือผู้ให้บริการดังกล่าวได้ในที่สุด
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอเตือนประชาชน ให้ระมัดระวังถูกหลอกให้ลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน หรือ เว็บไซต์ต่าง ๆ โดยหากต้องการลงทุน ให้ดูความเป็นไปได้ และ ความน่าเชื่อถือด้วยว่า เป็นจริงอย่างที่มีการกล่าวอ้างหรือไม่
แนะนำว่า ขอให้เลือกผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือได้รับการรับรองตามกฎหมายในประเทศไทย ควรให้ตรวจสอบข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งขอเตือนผู้ชักชวนให้ผู้อื่นมาร่วมลงทุนเพื่อรับค่าตอบแทนการหาสมาชิก อาจถูกดำเนินคดี
สำหรับผู้ที่กระทำความผิด หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นผู้ร่วมกระทำผิด หรือสนับสนุนการกระทำผิด จะเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย ดังนี้
1.กระทำความผิดฐานกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน เป็นผู้โฆษณาชักชวนให้ปรากฏแก่บุคคล ตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป โดยตนรู้อยู่แล้วว่า เป็นการกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน เป็นความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 – 10 ปี และปรับตั้งแต่ 500,000 ถึง 1,000,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่
2.กระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3.นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือ ปลอม ไม่ว่าทั้งหมด หรือ บางส่วน หรือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชนฯ เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(1) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือ ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือประชาชน หากพบเห็นแอปพลิเคชัน หรือ เว็บไซต์ในลักษณะดังกล่าว กรุณาแจ้งเบาะแสมายังสายด่วน 191 และสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง