นายสำเริง แสงภู่วงศ์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สนทช.) ยืนยันว่า ปริมาณน้ำในปีนี้ไม่หนักเท่าปี 2554 มวลน้ำที่มากในภาคเหนือตอนล่างและอีสานเกิดจากอิทธิพลของพายุ และร่องความกดอากาศที่ทำให้ฝนตกหนักในพื้นที่ 200-300 มิลลิเมตร และมวลน้ำจะไหลลงใน จ.อุบลราชธานี ต่อไป
ส่วนในภาคกลาง ปริมณฑล และ กทม.ต้องจับตาในสัปดาห์นี้ (27-30 ต.ค.) จากการระบายปริมาณน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา ในอัตรา 2,500 ลบ.ม./วินาที อาจจะส่งผลกระทบกับพื้นที่ริมตลิ่ง 2 ฝั่ง ถึงคันกั้นน้ำที่น้ำอาจจะสูงถึง 1.50 เมตร และพื้นที่ลุ่มอาจสูง 2 เมตร จากมวลน้ำที่มาจาก จ.สุโขทัย ลงมานครสวรรค์ และไหลสู่เจ้าพระยาส่งผลกระทบ จ.ชัยนาท อ่างทอง อยุธยา ขอให้ติดตามประสานกับ ปภ.จังหวัดเพื่อเฝ้าระวัง
“กังวลว่าหากมีฝนตกมาซ้ำ อาจส่งต่อปริมณฑล – กทม.ได้ แต่เท่าที่ติดตามสัปดาห์นี้ คาดว่าจะไม่มีพายุมาเพิ่ม แต่ในสัปดาห์ถัดไป อาจจะมีทางภาคใต้ ที่คาดว่าจะเจอพายุอีก 1 ลูก“ รองเลขาธิการ สนทช. ระบุ
อย่างไรก็ตาม ปริมาณฝนในขณะนี้ ไม่มีผลต่อการกักเก็บน้ำใน 4 เขื่อนหลัก อาจทำให้เมื่อสิ้นสุดฤดูฝน (เดือน ต.ค.) นี้ ส่งผลต่อหน้าแล้งปีหน้า(56) อาจจะประสบปัญหาน้ำไม่เพียงพอ
ที่มา : สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์