นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 16/2564 หรือ ศบค.ชุดใหญ่ ที่มี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค.ชุดใหญ่ เป็นประธาน โดยที่ประชุมปรับมาตรการคลายล็อกดาวน์ มีค่า นิวส์ จึงสรุปมาให้ทุกคนอ่านแบบเข้าใจง่าย ๆ
1. เห็นชอบปรับระดับของพื้นที่สถานการณ์ย่อย ในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร ดังนี้
– พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 23 จังหวัด ขณะจังหวัดที่ไม่อยู่ในพื้นที่สีแดงเข้มแล้ว ได้แก่ สุพรรณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี เพชรบูรณ์ สิงห์บุรี อ่างทอง และลพบุรี นครราชสีมา แต่จังหวัดที่เพิ่มมาใหม่ ได้แก่ จันทบุรี นครศรีธรรมราช
– พื้นที่ควบคุมสูงสุด 30 จังหวัด
– พื้นที่ควบคุม 24 จังหวัด
2.ปรับมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ในพื้นที่
สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
– ปรับเวลาห้ามออกนอกเคหสถาน เป็น 23.00 น. – 03.00 น. อย่างน้อย 15 วัน
– ปรับเวลาเปิดกิจการ/กิจกรรมต่าง ๆ ตามกำหนด จาก 21.00 น. เป็น 22.00 น.
– จัดการประชุม และจัดงานตามประเพณีนิยมได้ ในศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม หรือ สถานที่จัด นิทรรศการ รวมถึงสถานที่ลักษณะเดียวกันในห้างสรรพสินค้า และโรงแรมได้
– สถานดูแลผู้สูงอายุให้เปิดดำเนินการแบบรับไป – กลับ ได้
สำหรับทุกพื้นที่
– ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า คอมมิวนิตี้มอลล์ ให้เปิด ตู้เกม เครื่องเล่น ร้านเกม ที่เล่นรายบุคคล หรือ แข่งเป็นคู่ได้ (ยกเว้นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ยังไม่เปิดบริการ)
– การจัดกิจกรรมรวมกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค ปรับเป็น 50, 100, 200, 300, 500 คน
– ในส่วนสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่ประชุม ศบค. ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย กทม. ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข เร่งกำหนดมาตรการสำหรับเตรียมการให้แล้วเสร็จภายใน 31 ตุลาคมนี้
อย่างไรก็ตาม มาตรการคลายล็อกดาวน์ข้างต้น ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. 2564 เป็นต้นไป