ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ ปคบ. ร่วมกับคณะกรรมการอาหารและยา และองค์การเภสัชกรรม แถลงจับกุมผู้ต้องหา 9 คน พร้อมตรวจยึดของกลางเป็น “ยาฟาวิพิราเวียร์” ยี่ห้อ “ฟาเวียร์” จำนวน 390 กล่อง หลังเข้าตรวจค้นสถานที่พบการลักลอบจำหน่าย ในพื้นที่ กทม. สระบุรี ปทุมธานี และนนทบุรี รวม 8 จุด
ผู้ต้องหา ยอมรับสารภาพ 8 คน อีก 1 คน ปฏิเสธ ระบุว่า ได้ยาดังกล่าวมาจาก รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ที่สั่งซื้อในนาม รพ.จากองค์การเภสัชกรรม แล้วนำออกมาจำหน่ายเพื่อหากำไร ต้นทุนอยู่ที่กล่องละ 1,600 บาท แต่จำหน่ายผ่านทางออนไลน์ ตกกล่องละ 4,000 บาท ถึง 8,000 บาท!
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง เผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลว่า รพ.มีความเกี่ยวข้อง หรือ มีความผิดในส่วนใดบ้าง รวมทั้งตรวจสอบย้อนหลังว่า มีการจำหน่ายมานานเพียงใด ส่วนของกลางจะต้องส่งทำลายหลังสิ้นสุดคดี แต่กรณีนี้ยาฟาวิพิราเวียร์ เป็นยาที่ถูกต้อง มีความสำคัญต่อสถานการณ์ปัจจุบัน จึงจะทำเรื่องขอศาล พิจารณาให้นำไปใช้ประโยชน์สาธารณะ
ภญ.สุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข รรท.รองเลขาฯ อย. ระบุว่า ปัจจุบัน ยาฟาวิพิราเวียร์ ยังมีจำนวนไม่เพียงพอ จึงเป็นยาควบคุมพิเศษที่ต้องสั่งจ่าย และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพราะมีผลข้างเคียง จึงไม่สามารถขายให้กับประชาชนทุกช่องทางได้
“ย้ำอย่าซื้อยาทางสื่อออนไลน์มารับประทานเองเด็ดขาด เพราะการใช้ยาที่ไม่ถูกต้อง อาจทำให้เชื้อดื้อยาได้ง่าย ส่งผลให้ใช้ยาไม่ได้ผลเมื่อเกิดการติดเชื้อ เป็นเหตุให้ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้ในที่สุด”
ภญ.สุภัทรา ยังยืนยันว่า ยาที่ถูกผลิตหรือนำเข้ามาในประเทศไทยผ่าน อย. สามารถตรวจสอบเลขแสดงล็อตยา และมีการทำบัญชีการสั่งจ่ายยาไปยังสถานพยาบาลต่าง ๆ รวมถึงการสั่งจ่ายยาให้ผู้ป่วยโควิด ซึ่งจะมีความสอดคล้องกับจำนวนยา ส่วนจะมีการสวมสิทธิผู้ป่วยโควิดเพื่อเบิกยาหรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ พร้อมยืนยันว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่จากองค์การเภสัช หรือ อย. เข้าไปเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน
เบื้องต้น ดำเนินคดีตามความผิด พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 ฐาน “ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท และ พ.ร.บ.วิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ.2537 ฐาน “ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ