เมื่อก้าวเข้าสู่วัยเก๋า 60 ปีขึ้นไป ผู้สูงอายุหลายคน เริ่มมีปัญหาสุขภาพตามมา เนื่องจากประสิทธิภาพการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายเริ่มถดถอย ประกอบกับมีปัจจัยเสี่ยงภายนอก ที่มีส่วนเร่งให้เกิดโรคได้ง่ายขึ้น
ดังนั้น การดูแลตัวเอง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้สูงอายุจะต้องให้ความใส่ใจ ทั้งคนที่มีโรคประจำตัว หรือ คนสุขภาพดีอยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบันมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้สูงอายุมีติดไว้ที่บ้าน พกพาขณะเดินทาง ป้องกันความเสี่ยงโรคต่าง ๆ
มีค่า นิวส์ จึงขอแนะนำ 3 อุปกรณ์การแพทย์ ที่ผู้สูงอายุควรมีติดบ้าน พร้อมสำรวจราคามาให้เพื่อจะได้ตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ต.ค.)
1.เครื่องวัดความดันโลหิต
โรคความดันโลหิตสูง เป็นอีกหนึ่งโรคที่น่ากลัวสำหรับผู้สูงอายุ โดยค่าความดันที่อยู่ในเกณฑ์ความดันโลหิตสูง ต้องมีค่าเท่ากับ หรือ มากกว่า 140-159 (ตัวบน) หรือ 90-99 ตัวล่าง ซึ่งความดันโลหิตนั้นอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เครื่องวัดความดันโลหิตจึงเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญ เพราะหากพบความผิดปกติ จะได้รักษาอย่างทันท่วงทีนั่นเองค่ะ
มารู้จักเครื่องวัดความดันโลหิต พร้อมราคา มีอยู่ 3 ชนิดคือ
– เครื่องวัดความดันชนิดปรอท วัดง่าย ใช้หลักการแรงโน้มถ่วงของโลก ให้ผลการวัดที่แม่นยำ ส่วนข้อเสียคือ มีขนาดใหญ่ พกพาลำบาก เครื่องจะต้องตั้งตรงบนพื้นเรียบ แท่งปรอทจะต้องอยู่ระดับสายตา จึงจะอ่านค่าได้แม่นยำ
ราคาเปรียบเทียบจาก Shopee, Lazada, Omron, YUWELL ประมาณ 600-7,000 บาท (ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ นำเข้าจากต่างประเทศจะยิ่งราคาสูง)
– เครื่องวัดความดันชนิดขดลวด ราคาไม่แพง น้ำหนักเบา พกพาสะดวก วางตำแหน่งไหนก็ได้ บางรุ่น มีหูฟังอยู่ในสายพันแขน ข้อเสีย คือ เครื่องมือมีกลไกซับซ้อน ต้องปรับเครื่องมือโดยเทียบกับเครื่องมือชนิดปรอทอย่างน้อยปีละครั้ง ถ้าเสียก็ต้องส่งไปซ่อม
ราคาเปรียบเทียบจาก Shopee, Lazada, Omron, YUWELL ประมาณ 200-3,000 บาท (ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ นำเข้าจากต่างประเทศจะยิ่งราคาสูง)
– เครื่องวัดความดันชนิดดิจิตอล ไม่ต้องมีหูฟัง หรือ ลูกยางสำหรับบีบลม ทำให้สะดวกในการใช้งาน พกพาได้ง่าย ข้อผิดพลาดน้อย เหมาะสำหรับผู้ป่วยสูงอายุ ข้อเสีย คือ มีกลไกซับซ้อน แตกหักง่าย ต้องตรวจสอบความแม่นยำเทียบกับเครื่องชนิดปรอท หากร่างกายเคลื่อนไหว จะทำให้เกิดการผิดพลาด ราคาค่อนข้างแพง ต้องใช้ไฟฟ้า
ราคาเปรียบเทียบจาก Shopee, Lazada, Omron, YUWELL ประมาณ 300-60,000 บาท (ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ นำเข้าจากต่างประเทศจะยิ่งราคาสูง)
เทคนิคเลือกซื้อเครื่องวัดความดันโลหิต
– ควรเลือกใช้เครื่องวัดแบบดิจิตอล เพราะสะดวกและใช้งานง่ายสำหรับผู้สูงอายุ
– สายรัดแขนสามารถใส่ได้ง่าย การเลือกเครื่องวัดความดันที่มีสายรัดแขนซึ่งสวมใส่ได้ด้วยตนเองนับเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากทำให้ผู้วัดความดันสามารถทราบค่าความดันโลหิตของตนเองได้ แม้จะอยู่ลำพัง
– มีความแม่นยำสูงความแม่นยำสูง จะทำให้การวินิจฉัยโรคของแพทย์เป็นไปอย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้การรักษาโรคสะดวกและง่ายดายกว่าเดิม
– เลือกเครื่องวัดความดันโลหิตที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน เช่น CE (European Conformity:CE) หรือ เครื่องหมาย UL (Underwriters’ Laboratories :UL) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงว่าเครื่องมือนั้นได้รับการออกแบบและการผลิตที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยตามข้อบังคับอุตสาหกรรมสหภาพยุโรป หรือ ตรวจสอบได้จากเครื่องหมาย มอก.มาตรฐานประเทศไทย เป็นต้น
คำแนะนำในการใช้เครื่องวัดความดันโลหิต
– ไม่ควรวัดความดันทันทีหลังอาหารมื้อหลัก ควรห่างอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
– ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรือ สูบบุหรี่ก่อนทำการวัด
– ไม่ควรวัดขณะที่ร่างกายเหนื่อย หมดแรง อ่อนเพลีย หรือ มีอารมณ์เครียด
– ถ้าใช้เครื่องวัดความดันที่ต้นแขน ให้วัดในท่านั่ง วางแขน และข้อศอกบนโต๊ะ จัดระดับให้ผ้าพันต้นแขน หรือ ผ้าพันข้อมืออยู่ในระดับเดียวกับหัวใจ
ถ้าใช้เครื่องวัดความดันที่ข้อมือ ให้วัดในท่านั่ง วางข้อมือให้อยู่ในระดับเดียวกับหัวใจ
2.เครื่องวัดน้ำตาลในเลือด
จากข้อมูลสถิติโรคฮิตของผู้สูงอายุ พบว่า เบาหวานเป็นโรคที่มีผู้ป่วยมากเป็นอันดับ 1 ในปี 2562 พบผู้ป่วยสูงอายุชาย จำนวนกว่า 5.1 ล้านคน ส่วนผู้ป่วยสูงอายุหญิง จำนวนกว่า 6.4 ล้านคน แม้ไม่มีความเสี่ยงก็ควรจะได้รับการเช็คสุขภาพด้วย “เครื่องวัดน้ำตาลในเลือด” เพื่อวัดค่าน้ำตาลในเลือดป้องกันและควบคุมรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ติดตามความเปลี่ยนแปลงของค่าระดับน้ำตาลในเลือดในแต่ละวัน เพื่อวางแผนและแนวทางในการรักษาโรค
วิธีอ่านค่าวัดน้ำตาลในเลือด
– ค่าปกติจะอยู่ระหว่าง 70 -100 mg/dL
– หากเสี่ยงเกิดโรคเบาหวาน ค่าจะอยู่ระหว่าง 100-125 mg/dL
– สำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ค่าจะมากกว่า 126 mg/dL
***ควรวัดหลังจากรับประทานอาหารไปแล้ว 2 ชั่วโมง
มารู้จักเครื่องวัดน้ำตาลในเลือด พร้อมราคา มีอยู่ 2 ชนิดคือ
– แบบไม่เจาะเลือด เป็นการใช้เทคโนโลยีโดยใช้ตัวเซนเซอร์ฝังเข้าไปที่ชั้นใต้ผิวหนังบริเวณต้นแขน วัดค่าน้ำตาลจากของเหลวระหว่างเซลล์ ตัวเครื่องจะส่งค่าน้ำตาลผ่านบลูทูธมายังโทรศัพท์มือถือที่เชื่อมต่อไว้ เพื่อบันทึกและแสดงผล สะดวกกับแพทย์ในการติดตามค่าระดับน้ำตาลแบบเรียลไทม์และย้อนหลัง
ราคาประมาณ 4,000 – 5,000 บาท ต้องมีการเปลี่ยนตัวเซนเซอร์ทุก 7 – 14 วัน ซึ่งตัวเซนเซอร์นี้ มีราคาอยู่ที่ 2,000 – 2,500 บาท (ราคาแตกต่างกันไปตามผู้จำหน่าย)
– แบบเจาะเลือดที่ปลายนิ้ว เป็นวิธีที่ใช้กันมากและแพร่หลายที่สุด มีการรับรองมาตรฐานมาอย่างยาวนาน มีความแม่นยำและได้มาตรฐานที่สุดในปัจจุบัน หากเจาะเลือดที่ปลายนิ้วแล้วรู้สึกเจ็บมาก อาจจะแก้ไขโดยการปรับระดับความลึกของปากกาเจาะเลือดให้น้อยลง และเลือกใช้เครื่องตรวจน้ำตาลที่ใช้ตัวอย่างเลือดน้อย
ราคาเปรียบเทียบจาก Shopee, Lazada, Omron, YUWELL ประมาณ 150-10,000 บาท (ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ นำเข้าจากต่างประเทศจะยิ่งราคาสูง)
เทคนิคเลือกซื้อเครื่องวัดน้ำตาลในเลือด
1. ได้รับการรับรองมาตรฐานต่าง ๆ และจำหน่ายโดยร้านที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น มาตรฐาน CE (มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขภาพ) มาตรฐาน ISO 13485 (มาตรฐานการจัดการในด้านคุณภาพเครื่องมือแพทย์) มาตรฐาน อย. (สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา) เป็นต้น
2. ใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก เลือกเครื่องที่อ่านค่าน้ำตาลโดยอัติโนมัติ ไม่ต้องใส่โค้ด หรือเซ็ตให้ยุ่งยาก เพราะจะทำให้ผู้สูงอายุสามารถใช้งานเองได้ ไม่ต้องพึ่งพาผู้ดูแล
3. ใช้ตัวอย่างเลือดน้อย อ่านค่าได้รวดเร็ว ควรใช้ตัวอย่างเลือดไม่เกิน 1 ไมโครลิตร (µL) เพราะการใช้ตัวอย่างเลือดน้อย จะทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องเจาะปลายนิ้วลึกหากเลือดไม่พอ
4. มีอุปกรณ์ครบชุดพร้อมใช้งาน ควรเลือกซื้อเครื่องตรวจน้ำตาลที่มาพร้อมอุปกรณ์ครบชุด ทั้งตัวเครื่อง ปากกาเจาะเลือด เข็ม และแผ่นตรวจให้ครบ พร้อมใช้งานทันที
5. มีฟังก์ชันเสริมต่าง ๆ ที่จะเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้มากขึ้น เช่น บันทึกผลการวัดน้ำตาลได้ไว้ดูย้อนหลังได้ หน้าจอสว่างอ่านค่าได้ง่าย ชาร์จแบตเตอรี่ได้ไม่เปลืองถ่าน
3.เครื่องวัดออกซิเจนในเลือด
ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) กำลังระบาดอย่างต่อเนื่อง แถมยังมีหลากหลายสายพันธุ์ อาการของแต่สายพันธุ์ของแตกต่างกันไป ทำให้เครื่องวัดออกซิเจนในเลือด กลายเป็นอุปกรณ์จำเป็นต่อผู้ที่ติดเชื้อ รวมถึงกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคประจำตัว และผู้สูงอายุ
คุณสมบัติของเครื่องวัดออกซิเจน
– ใช้วัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในกระแสเลือดและสามารถวัดชีพจรได้
– มีขนาดเล็ก ใช้งานสะดวก บางรุ่นพกพาได้
– ไม่สามารถวินิจฉัยการติดเชื้อโควิด-19 แต่ใช้เฝ้าระวัง ติดตามอาการของโควิด-19 ได้
การใช้งาน
– หนีบนิ้วใดนิ้วหนึ่ง แล้วรอให้ตัวเลขนิ่งก่อนอ่านค่า หากค่าอยู่ที่ 96 – 100 % ค่าปกติ แต่ถ้าค่าอยู่ที่ 95 % หรือ ต่ำกว่า หมายถึงมีภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำ ควรปรึกษาแพทย์
– ไม่ควรวัดค่าออกซิเจนในเลือดขณะออกกำลังกายหรือมีอาการเหนื่อยจากกิจกรรม
– การทาเล็บ ติดเครื่องประดับที่เล็บอาจส่งผลให้เครื่องอ่านค่าคลาดเคลื่อนได้
หมายเหตุ : หากมีโรคประจำตัวบางกลุ่ม หรือ สูบบุหรี่จัดอาจส่งผลให้ความอิ่มตัวออกซิเจนในเลือดต่ำกว่าปกติได้
ราคาเปรียบเทียบจาก Shopee, Lazada, Omron, YUWELL ประมาณ 150-10,000 บาท (ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ นำเข้าจากต่างประเทศจะยิ่งราคาสูง)
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของการเลือกซื้ออุปกรณ์ทั้ง 3 ประเภท ผู้สูงอายุ ต้องระวังตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพด้วยนะคะ สำหรับวิธีป้องกัน มีค่า นิวส์ แนะนำให้ผู้สูงอายุตรวจสอบฉลากบนผลิตภัณฑ์ว่าผ่านการขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือไม่ ดูวิธีตรวจสอบฉลาก อย.ที่นี่ >> https://mekhanews.com/2021/08/28/how-to-check-the-fda-label/
ที่มา : https://elderlysociety.com/4-items-for-health/
https://allwellhealthcare.com/how-to-choose-blood-glucose-meter/