ตามที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้ออกประกาศแจ้งเตือนฉบับที่ 29/2564 ลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ภาคใต้ เนื่องจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักมากบางแห่งในช่วงวันที่ 11 – 15 พฤศจิกายน 2564
จากนั้นได้ติดตามสถานการณ์พบฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ลุ่มน้ำโก-ลก มีปริมาณน้ำฝนสะสม 3 วันที่อำเภอแว้ง 160 มิลลิเมตร อำเภอสุไหงโก-ลก 63.6 มิลลิเมตร อำเภอสุไหงปาดี 63.8 มิลลิเมตร อำเภอจะแนะ 95 มิลลิเมตร อำเภอเจาะไอร้อง 50.2 มิลลิเมตร อำเภอระแงะ 118 มิลลิเมตร อำเภอยี่งอ 130.8 มิลลิเมตร และอำเภอเมืองนราธิวาส 66.2 มิลลิเมตร ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำบางนราและแม่น้ำโก-ลกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่ภาคใต้ กอนช. จึงประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำจากฝนคาดการณ์ (ONE MAP) ของกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) ร่วมกับคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคใต้ พบพื้นที่เสี่ยงดังกล่าวยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ขอให้เฝ้าระวังระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นเสี่ยงน้ำล้นสูงกว่าตลิ่งประมาณ 0.3 – 0.5 เมตร ไหลเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำในจังหวัดนราธิวาส วันที่ 19 – 22 พฤศจิกายน 2564 ดังนี้
1. คลองตันหยงมัส บริเวณบ้านตันหยงมัส บ้านไท บ้านแกแม ตำบลตันหยงมัส อำเภอระแงะ บ้านมะนังกาหยี ตำบลมะนังตายอ ตำบลลำภู ตำบลบางปอ อำเภอเมืองนราธิวาส และบ้านทุ่งคา บ้านโต๊ะแม บ้านปูตะ ตำบลละหาร อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส
2. แม่น้ำโก-ลก บริเวณชุมชนท่าโรงเลื่อย ชุมชนท่าประปา เขตเทศบาลสุไหงโก-ลก ชุมชนตลาดบ้านมูโนะ ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก และอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส
ในการนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
1. ติดตามสภาพอากาศและสภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ
2. ปรับแผนบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำ พร้อมพิจารณาความเหมาะสมในการระบายน้ำในลำน้ำ/แม่น้ำให้สอดคล้องกับการขึ้น – ลงของระดับน้ำทะเล
3. ตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงแนวคันบริเวณริมแม่น้ำและกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อเตรียมความพร้อมรับน้ำหลากป้องกันน้ำท่วมให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. เตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ รวมถึงความพร้อมของระบบสื่อสารสำรอง เพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนได้ทันที
5. ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนล่วงหน้า ให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ เตรียมพร้อมในการอพยพและเคลื่อนย้ายทรัพย์สินได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์